[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

ขนมไทย

                                                                                                  ขนมไทย

.........ขนมไทยมีคู่เมืองไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ทั้งที่เป็นขนมไทยดั้งเดิมและขนมที่รับมาจากต่างชาติมาเป็นเวลาช้านาน จนกลืนกลายเป็นขนมของไทยด้วยวิธีการช่างประดิดประดอยของคนไทย ทำให้ขนมไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อันแสดงถึงความเป็นไทยและคุณค่าอันงดงามในตัวเอง
..........แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ค่านิยมในอารยธรรมของตะวันตกที่ทะลักเข้ามาอย่างหลากหลาย ทำให้คนไทยหันไปเลียนแบบต่างชาติ โดยการอวยพรปีใหม่กันด้วยขนมเค้กกันเต็มบ้านเต็มเมือง จนขนมเค้กได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของปีใหม่ไปทั่วโลก เค้กซึ่งมีสีสันฉูดฉาดบาดตาและหลายราคาจึงขายดี สั่งทำล่วงหน้าแทบไม่ทัน
..........ในโอกาสขึ้นปีใหม่นี้ คนไทยน่าจะหันกลับมาหาภูมิปัญญาไทยดั้งเดิม ซึ่งบรรพบุรุษของเราได้สร้างเอาไว้ ด้วยการให้ของขวัญกันเป็นขนมไทย เพื่อช่วยกันส่งเสริมคุณค่าของขนมไทย และเปลี่ยนค่านิยมใหม่ เพื่อแสดงถึงความเป็นไทยโดยไม่จำเป็นต้องตามหลังใคร มิหนำซ้ำ ผู้ทีได้รับของขวัญปีใหม่เป็นขนมไทย มิใช่ขนมเค้กอันมีอยู่ดาษดื่นในหน้าเทศกาลปีใหม่ 
..........ขนมไทยแต่ละชนิดนอกจากจะมีความสวยงามจนถึงขั้นวิจิตรพิสดารแล้ว ชื่อของขนมยังบ่งบอกถึงคุณค่าและความหมายในทางที่ดีและเป็นสิริมงคล ซึ่งเป็นความช่างคิดของคนไทยโบราณเป็นอย่างยิ่ง
ขนมที่มีคำว่า “ทอง” นำหน้า เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองม้วน ฯลฯ ล้วนเป็นชื่ออันเป็นมงคลแก่ผู้ที่ได้รับเป็นของขวัญปีใหม่ เป็นเสมือนคำอวยพรที่แฝงความหมายในขนมให้มีแต่ความรุ่งเรืองในชีวิตตลอดไป
..........ขนมดังกล่าวเหล่านี้มีขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยท่านผู้หญิงวิชาเยนทร์ ซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็น “ท้าวทองกีบม้า” ผู้ได้รับขนานนามว่า “ราชินีขนมไทย” ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ขุนนางเชื้อสายกรีกที่มีบทบาทสำคัญในราชสำนักไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
..........ท้าวทองกีบม้าผู้นี้แหละเป็นต้นคิดในการสอนให้คนไทยสมัยนั้นทำของหวานนานาชนิด ท่านเป็นผู้กำกับการชาวเครื่องพนักงานของหวานและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาขนมไทยทั้งในด้านรสชาติและสีสันจนเป็นที่ยกย่อง
.......... คุณค่าของขนมไทยมีความงดงามลึกซึ้งเพียงใด กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ได้บรรยายถึงขนมไทยแต่ละชนิดไว้อย่างครบถ้วนดังตัวอย่าง  
“..........รังไรโรยด้วยแป้ง .......... เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง ....................... ยังยินดีด้วยมีรัง .............
ทองหยอดทอดสนิท ................ ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง ..................... แต่ลำพังสองต่อสอง ......
งามจริงจ่ามงกุฏ ..................... ใส่ชื่อดุจมงกุฏทอง .........
เรียนร่ำคำนึงปอง .................... สอิ้งน้องนั้นเคยยล .........
บัวลอยเล่ห์บัวงาม ................... คิดบัวกามแก้วกับตน .......
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล ................. สถนนุชดุจประทุม'' ..........
 
..........ชื่อของขนมไทยโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นชื่อที่ดีและเป็นมงคลทั้งสิ้น ดังที่กล่าวมาแล้วขนมไทยบางชนิดนอกจากจะมีชื่อเป็นมงคล ยังแสดงถึงความสูงส่งและอลังการ เช่น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมบัวลอยแม้ชื่อจะไม่ใช่ศัพท์แสงวิจิตร แต่ก็ทำให้นึกถึงดอกบัวที่ลอยอยู่เหนือน้ำ เป็นเครื่องหมายของความสว่างทางปัญญา
..........การให้ขนมเป็นของขวัญปีใหม่ก็เหมือนให้สิ่งของอย่างอื่นคือ ต้องรู้ว่าผู้ที่ได้รับชอบขนมชนิดไหน ซึ่งถ้าเป็นคนที่สนิทสนมกันก็เป็นเรื่องง่าย ส่วนคนที่ไม่สนิทสนม ก็ไม่ยากนัก หากจะเลียบเคียงถามจากคนใกล้ชิดก่อนจะเป็นการดี หากไม่แน่ใจ ให้เลือกขนมหลาย ๆ ชนิดรวมกันไปและเลือกขนมที่เป็นกลาง ๆ คือ ไม่หวานมันจัด แต่ขนมไทยไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องรสชาติเหมือนเค้ก ซึ่งบางคนจะไม่ชอบครีมเลย
 ..........สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรคำนึงก็คือขนมที่มอบให้นั้นต้องมีรสชาติอร่อย ชนิดกินแล้วติใจได้ยิ่งเป็นการดี หากมีฝีมือในการทำขนมเองก็ยิ่งวิเศษ แสดงถึงความตั้งใจของผู้ให้ที่อุตส่าห์ลงแรงทำเองเป็นพิเศษ แต่ถ้าไปซื้อมา ควรเลือกขนมจากเจ้าที่มีชื่อในความอร่อยเพราะโอกาสพิเศษอย่างนี้ต้องคัดอย่างดีที่สุด
..........ถ้าหากจะเลือกขนมที่มีความหมายที่ดีแฝงอยู่ สำหรับบุคคลที่นับถือหรือเคารพ ซึ่งอาจจะใส่รวมไปกับขนมชนิดอื่นคละกัน พร้อมการ์ดคำอวยพรที่โยงถึงชื่อขนมอันเป็นมงคลนั้นก็จะดูเก๋ไก๋น่าประทับใจไม่น้อยทีเดียว  
..........ขนมที่มอบให้ควรเป็นขนมแห้งจะเหมาะกว่า อาจจะมีขนมชนิดเปียกบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้รับด้วย แต่ควรจะมีขนมที่สามารถเก็บไว้กินได้หลายวันด้วย เพราะขนมบางชนิดถ้าทานช้าหรือกินไม่หมด ทำให้บูดทิ้งไปเปล่า ๆ โดยสิ้นเปลืองอย่างน่าเสียดาย
..........การเลือกขนมเป็นของขวัญ ควรมีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องรสชาติและความสวยงาม เรียกว่าควรพิถีพิถันเป็นพิเศษ อันแสดงถึงความตั้งใจมอบให้ผู้รับด้วยความอาทรและความเคารพนับถือ
..........เลือกได้ขนมสวย ๆ น่ากินได้หลายชนิดแล้ว ควรหาภาชนะบรรจุให้มิดชิดซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของขนมด้วย ขนมบางชนิดอาจจะต้องใส่ในโหลแก้ว โดยจัดเรียงลงในโหลอย่างเป็นระเบียบ ไม่ใช่เทหรือยัดลงไป ทำให้ดูไม่งามตา บางชนิดต้องบรรจุในถาดแก้วหรือกล่อง แก้วหรือกล่องพลาสติก เสร็จแล้วผูกด้วยริบบิ้นสีสดใส จากนั้นก็บรรจุใส่กระเช้าหรือตะกร้าหวายหรือไม้ไผ่ขนาดพอเหมาะ แล้วใช้ริบบิ้นคาดหรือผูกที่หูอีกทีหนึ่ง
..........หากภายในตะกร้าหรือกระเช้ายังพอมีที่ว่าง อาจจะมีหนังสือดี ๆ ให้คุณค่าทางปัญญาสัก ๑-๒ เล่มสอดลงไป เป็นการมอบของขวัญที่เป็นอาหารบำรุงเลี้ยงร่างกายและอาหารบำรุงเลี้ยงร่างกายและอาหารบำรุงเลี้ยงร่างกายและอาหารบำรุงเลี้ยงสมองด้วย เรียกได้ว่าเป็นของขวัญที่มีคุณภาพอีกเท่าตัว
..........เมื่อมอบของขวัญให้แก่กันเนื่องในวันปีใหม่สากลด้วยขนมไทยแล้ว คนไทยก็ไม่ควรลืมปีใหม่ไทย หรือ”ตรุษไทย” หรือ “ตรุษสงกรานต์” ซึ่งเป็นเทศกาลสิ้นปี เริ่มขึ้นในวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ คนในสมัยโบราณถือว่าเป็นวันสิ้นปีเก่าและได้ยึดถือเป็นประเพณีสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
..........วันปีใหม่ไทยหรือวันตรุษสงกรานต์นี้ ในสมัยโบราณนอกจากชาวบ้นจะนำข้าวปลาอาหารและขนมนมเนยไปทำบุญร่วมกันที่วัด ตลอดจนสรงน้ำพระที่เรียกว่า “บุญสรงน้ำ” คือ สรงน้ำพระพุทธรูปและสรงน้ำพระภิกษุสงฆ์ น้ำอบน้ำหอมที่เหลือในขันจะเอาไปรดเจดีย์ภายในวัด นำอาหารหรือขนมไปเผื่อแผ่แก่ญาติมิตรหรือเพื่อนบ้านอันเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา
..........ประเพณีสรงน้ำปัจจุบันในตัวเมืองแทบจะไม่มีอีกแล้ว คนสมัยใหม่ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของประเพณีสงกรานต์ อันถือว่าเป็นปีใหม่ไทย เป็นศักราชที่เป็นมงคล ได้แปลความหมายบิดเบือนไปเป็นการสาดน้ำใส่กันเพื่อความสนุกเป็นใหญ่ ความคะนองมุ่งเอาแต่สนุก ในบางครั้งทำให้เกิดอุบัติเหตุที่น่าสลดใจ ประเพณีปีใหม่ไทยแทนที่จะทำบุญกลับทำบาป
    ดังนั้น ในปีใหม่ไทยหรือตรุษสงกรานต์ที่จะเวียนมาถึงอีกวาระถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่คนไทยควรจะมอบของขวัญและคำอวยพรให้แก่กันเป็นการแสดงถึงความรักใคร่สนิทสนมและคิดถึงกันด้วยความเอื้ออาทร
..........คนไทยเราน่าจะสร้างค่านิยมใหม่ เพื่อแสดงความเป็นไทยที่ไม่ต้องเป็นทาสทางค่านิยมของต่างชาติด้วยการมอบของขวัญให้แก่กันเนื่องในปีใหม่ไทยด้วยขนมไทยกันดูบ้าง เพื่อแสดงให้เห็นว่าชาติไทยเรามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมาเป็นเวลาช้านานแล้ว
..........ใครมีฝีมือในการทำขนมไทย น่าที่จะทำขนมไทยอร่อย ๆ สวย ๆ ไปอวยพรผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพนับถือ ส่วนคนที่ทำไม่เป็นเลือกซื้อได้จากร้านขายขนมไทย เพียงแต่ต้องหาดูเจ้าที่อร่อยและมีคุณภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าที่มีชื่อเสียงระดับขึ้นหิ้งหรือมีราคาแพงเลย ความตั้งใจของผู้ให้ต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญ
..........ปีใหม่ไทยอยู่ในช่วงกลางเดือนเมษายน เป็นฤดูร้อน นอกจากจะมอบของขวัญเป็นขนมแห้ง ถ้าหากผู้รับอยู่ไม่ไกลนักและผู้ให้สามารถนำไปให้ได้สะดวก อาจจะมีขนมเย็น ๆ เพิ่มเข้าไป หรือให้เป็นขนมเย็น ๆ อย่างเดียวก็ได้
..........ขนมไทยที่เป็นขนมเย็น ๆ ได้แก่แตงไทย เป็นผลไม้ไทยที่มีเนื้อนุ่มหอมหวานน่ากิน แค่กินเปล่า ๆ ยังอร่อยชื่นใจ ถ้าทำเป็นกะทิแตงไทยยิ่งหวานอร่อยจับใจ ลูกตาลลอยแก้ว ก็เป็นของหวานแบบไทยแท้ที่หวานฉ่ำใจอีกแบบหนึ่ง ต้มรากบัวใส่น้ำตาลทรายแดงก็อร่อยน่าทาน  

..........น้ำตาลทรายแดงจะมีรสหวานแบบธรรมชาติและไม่มีโทษเหมือนน้ำตาลฟอกขาว ซึ่งมีแต่สารเคมี น้ำรากบัวใส่น้ำแข็งดื่มชื่นใจและให้ประโยชน์ต่อร่างกาย
..........ขนมไทยที่เป็นของหวานเย็น ๆ อย่างนี้ยังมีอีกหลายอย่าง เตือนเมษายนอากาศร้อนอบอ้าว คงจะชื่นใจไม่น้อย ถ้าได้รับของขวัญวันปีใหม่ไทยเป็นขนมเย็น ๆ ทำให้คลายร้อนและแก้เหนื่อยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ให้ที่ชอบของหวานประเภทนี้อยู่แล้ว คงถูกใจที่ได้รับคำอวยพรด้วยขนมหวานเย็นอร่อยแบบไทย ๆ ที่ไม่เจือปนกลิ่นนมเนย





คลิกดูรายละเอียดที่นี่


โดย:
งาน: งานห้องสมุด
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: http://www.culture.go.th/oncc/knowledge/food/dess01.htm

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 0

อ่าน 0 ครั้ง