|
|
ความเป็นมา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรก ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาโดยระบุไว้ในมาตรา 81 ให้รัฐต้องจัดการศึกษาอบรมและจัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ ในขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญยังได้วางหลักการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วมในรูปของการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในมาตรา 284 ได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะ ซึ่งให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ จากสาระหลักของรัฐธรรมนูญทั้งสองประการ จึงเป็นที่มาของกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 41 ระบุให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาตามความพร้อมความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถิ่นและมาตรา 42 ให้กระทรวงศึกษาธิการ ศาสนา และวัฒนธรรม กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและได้มาตราฐานการศึกษา รวมทั้งเสนอแนะการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. 2542 มาตรา 30(1) ได้กำหนดให้ถ่ายโอกนการกิจการให้บริการสาธารณะที่ดำเนินการซ้ำซ้อนระหว่างรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่รัฐจัดการในเขต ที่รัฐจัดบริการในเขตและไปกระทบเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ที่รัฐดำเนินการตามนโยบายของรัฐให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในสี่ปี (พ.ศ.2546) และ (4) รัฐต้องให้ท้องถิ่นมีรายได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ในช่วงไม่เกิน พ.ศ. 2544 และไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ของรายได้ของรัฐในช่วงไม่เกิน พ.ศ. 2549 เพื่อให้การกระจายอำนาจปกครองไปสู่องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐบาลจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านสังคมเป็นประธานและหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองเป็นเลขานุการ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมการ การจัดทำร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้จัดทำเสร็จแล้วและอยู่ในระหว่างการดำเนินการขออนุมัติหลักการจากคณะรัฐมนตรี กรอบแนวคิดการกระจายอำนาจการจัดการศึกษา เพื่อให้การกระจายอำนาจการจัดการศึกษาไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กระทรวงศึกษาธิการจึงเห็นสมควรกระจายการจัดการศึกษาในระบบและนอกระบบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความพร้อมทั้งสองฝ่าย ซึ่งหลักการกระจายอำนาจนั้น ควรกระจายทั้งเงิน งาน และคน ไปพร้อมๆ กัน แต่ในทางปฏิบัตินั้น ความพร้อมทั้ง 3 เรื่อง มักจะดำเนินการไปพร้อมๆ กันได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคน เพราะมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงหลายด้าน ฉะนั้น ในช่วงเริ่มต้นต้องดำเนินการตามความเหมาะสมในแต่ละเรื่อง หลักการโดยรวมในการถ่ายโอน 1. งาน/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำแล้วประหยัดกว่า 2. งาน/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำแล้วไม่มีผลกระทบ 3. งาน/กิจกรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความสามารถที่จะทำได้ 4. ไม่เป็นงาน/กิจกรรม ที่เกี่ยวกับความมั่นคง การต่างประเทศ การยุติธรรมและการคลังของประเทศ 5. เป็นงาน/กิจกรรม ที่สามารถควบคุมมาตรฐานการให้บริการได้ 6. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องดูแล บำรุงรักษา งาน/กิจกรรมที่รับโอนมา ผลการกระจายอำนาจการจัดการศึกษา ในขั้นต้นกระทรวงศึกษาธิการได้เริ่มทะยอยกระจายอำนาจโดยการโอนเงินไปก่อนและคาดว่าเมื่อมีความพร้อมทั้งสองฝ่าย การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็คงจะสัมฤทธิ์ผลตามต้องการ ผลการดำเนินงานจากการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ/ภารกิจที่ถ่ายโอน ปีงบประมาณ 2544 (บาท) 2545 (บาท) กระทรวงศึกษาธิการ 9,186,830,800 9,798,674,000 1. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ - อาหารกลางวัน (นักเรียนทุกสังกัดในและนอก ศธ.) 3,259,543,700 3,078,687,600 2. กรมการศาสนา 634,895,000 713,690,000 - การดำเนินงานศูนย์อบรมเด็กก่อนประถม 419,895,000 449,190,000 - อาหารเสริม (นม) ก่อนประถม 215,000,000 264,500,000 3. กรมการศึกษานอกโรงเรียน 31,560,000 39,600,000 - อาหารเสริม (นม) นักเรียนบนภูเขา 31,560,000 39,600,000 4. กรมพลศึกษา 464,690 414,690,000 - การส่งเสริมกีฬาหมู่บ้านและชุมชน (อุปกรณ์กีฬาและการก่อสร้างลานกีฬาเอนกประสงค์) 464,690 414,690,000 5. กรมสามัญศึกษา 33,008,300 33,291,200 - อาหารเสริม (นม) 33,008,300 33,291,000 6. สปช. 4,763,125,000 5,518,716,000 - กิจกรรมการจัดการศึกษา (3 ขวบ) 10,725,000 144,651,000 - อาหารเสริม (นม) 4,752,400,000 5,374,065,000 หมายเหตุ 1. อาหารกลางวันสำหรับ 30% ของนักเรียนก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษา คนละ 60 บาท/วัน 200 วัน/ปี 2. อาหารเสริม (นม) สำหรับนักเรียนทุกคน ก่อนประถมศึกษา-ป.4 คนละ 5 บาท/วัน 200 วัน/ปี ในปีงบประมาณ 2545 รัฐบาลสนับสนุน 230 วัน และท้องถิ่นสนับสนุน 30 วัน รวม 260 วัน/ปี 3. อุปกรณ์กีฬาหมู่บ้านและชุมชน ปีละ 72,938 แห่ง ๆ ละ 5,000 บาท ก่อสร้างลานกีฬาฯ 1,000 แห่ง (2544) 500 แห่ง(2545) 4. จัดซื้ออุปกรณ์กีฬาไม่น้อยกว่า 2 ชนิด และไม่เกิน 6 ชนิด (ฟุตบอล บาสเก็ตบอล วอลเล่ห์บอล เปตอง เซปักตะกร้อ มวยไทย) |
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ |
โดย: งาน: งานห้องสมุด อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: http://www.moe.go.th/main2/project/policy_local.htm |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |