[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

เสือ

                                                                                             เสือ'' ครับ ผมคือ ''เสือ''
 

          เสือจัดว่าเป็นสัตว์อันตรายที่สุด หนึ่งในห้าชนิดของป่า ซึ่งในจำนวนนั้นได้แก่ เสือ ช้าง หมี งูจงอาง และหมูป่า อันเนื่องมาจาก รูปลักษณ์ที่ว่องไว ปราดเปรียว หูตาจมูกไว น้ำหนักตัวมาก เขี้ยวเล็บยาวและแหลมคม เพื่อล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร 
         เสือ เป็นสัตว์สี่เท้า เลี้ยงลูกด้วยนม แต่กินเนื้อเป็นอาหาร ทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 37 ชนิด (ดูรายละเอียดที่นี่) เสือโคร่งตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย กระโจนได้ไกลถึง 9 ม. และกระโดดได้สูงถึง 4-5 ม.เลยทีเดียว
        โครงสร้างกระโหลกของเสือมีลักษณะพิเศษ นัยตาของเสือมองเห็นภาพได้มุมแคบ มีมิติเท่ากับคนหรือลิง คือเห็นวัตถุที่อยู๋ด้านหน้าและด้านข้างเท่านั้น ไม่สามารถมองมุมกว้างจากหน้าจรดหลังได้เท่ากับสัตว์ประเภทม้า (ซึ่งนัยตาอยู่คนละด้านของใบหน้า) ส่วนหลังนัยน์ตาเสือมีกระจกสะท้อนแสงขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นได้ดีในเวลากลางคืน แตกต่างกับแมวหรือสัตว์ในตระกูลอื่นที่คล้ายเสือตรงที่ ลูกตาดำของเสือหรี่เป็นวงกลมขนาดเล็ก ขณะที่แมวหรือสัตว์อื่นจะหรี่ตาดำเป็นวงรียาวๆ
         เสือเป็นสัตว์หนังบาง แม้จะมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แข็งแรงมาก พอที่จะพาร่างกายขนาด 200-250 กก.เคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว แต่ขณะเดียวกันเสือก็เป็นสัตว์ที่บาดเจ็บได้ง่าย เมื่อมีรอยแผลลึกหรือเรื้อรัง อาจจะทำให้เสือเจ็บป่วยกลายเป็นเสือลำบาก
         เพราะฉนั้น มันจึงระวังตัวมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน กระโดดลงมาจากที่สูง การปีนป่าย การหยอกเล่นระหว่างเสือด้วยกัน หรือการต่อสู้แย่งชิงเขตแดนหรือตัวเมีย มันจึงไม่พยายามต่อสู้กันเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บและตายได้ ด้วยจากเขี้ยวเล็บอันทรงพลังและแหลมคม เมื่อมันใช้เท้าหน้ากางเล็บตะปบฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด ย่อมเกิดแผลเหวอะหวะ บาดเจ็บถึงขั้นตายเลยทีเดียว
        เสือทำหน้าที่่ควบคุมประชากรสัตว์ในป่า การล่าเหยื่อ คือการทำหน้าที่ของมัน ลวดลายของเสือทำให้มันพรางตัวได้ดี ปกติเสือโคร่งตัวผู้ชอบความสันโดษ ยกเว้นตอนผสมพันธุ์ที่มันคละเคล้าอยู่กับตัวเมีย ช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวเป็นฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งเสือโคร่งจะตกลูกประมาณ 2-4 ตัวต่อครั้ง ใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 3 เดือน ลูกเสือจะมองไม่เห็นในช่วง 10 วันแรก จึงเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดในชีวิตเสือ ลูกเสือที่อ่อนประสบการณ์และไม่แข็งแรงพอ อาจจะตกเป็นเหยื่อสัตว์อื่นได้ แม่เสือจึงต้องทำหน้าที่ดูแล และสอนการดำเนินชีวิตให้ลูกๆตลอดสองปีแรก จึงจะแยกทางกันไป
        เสือชอบเล่นน้ำ และปีนต้นไม้ นัยน์ตาเสือจะดุดันแข็งกร้าว บ่งบอกว่าไร้ความปราณี มันสามารถที่จะซ่อนเล็บยาวและแหลมคมไว้ในอุ้งเท้าตลอดเวลา มันจึงเดินบนหญ้า กิ่งไม้แห้ง หรือบนก้อนหินได้โดยไม่มีเสียงดัง
        ด้วยความที่เสือเป็นสัตว์ที่กินจุ มันจึงต้องออกหากินทั้งกลางวันและกลางคืน มันจะซุ่มรอเหยื่อด้วยความสุขุมและเงียบกริบ  แล้วจึงย่องเข้าหาเหยื่อทางด้านหลัง ใช้น้ำหนักตัวกว่า 200 กก.ปะทะเหยื่อ หรือไม่ก็ตะปบบริเวณสะโพกหรือขาหลังเหยื่อให้เสียการทรงตัว หลังจากนั้นจึงใช้เขี้ยวและกรงเล็บขย้ำกัดเข้าที่ลำคอ เพื่อตักระบบหายใจของเหยื่อ เสือโคร่งจะกัดกินเนื้อบริเวณสะโพก ขาหลังก่อน ขณะที่ เสือดำ เสือดาว จะกัดที่ช่องท้องเหยื่อเป็นอันดับแรก
        มีเรื่องเล่ากันเกี่ยวกับความเป็นเสือว่า เสือโคร่งสามารถเดินย้อนรอยพรานที่ตามล่ามันได้โดยที่พรานไม่รู้ตัว บ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาด อีกเรื่องก็ว่าเสือโคร่งดุร้ายตัวหนึ่ง ฆ่าคนเป็นอาหารจำนวนมากกว่าสิบคน พรานไพรหลานคนต้องพ่ายแพ้แก่ความเฉลียวฉลาดของเสือตัวนี้ จนกระทั่งพรานคนหนึ่งออกอุบายให้พรานสองคนไปเฝ้านั่งห้างรอเสือมากินเหยื่อ กะพอประมาณให้เสือรู้ว่ามีคนมาเฝ้า จึงให้พรานอีกคนปีนลงมาแล้วเดินทางกลับ ไม่นานเสือตัวนั้นจึงออกมากินเหยื่อ และถูกพรานคนที่เหลือยิงตายโดยดี ที่เป็นเช่นนั้น ให้ข้อสังเกตุว่า เสืออาจจะฉลาดจริงที่รู้ว่ามีคนตาม แต่มันนับเลขไม่เป็น เห็นพรานที่ลงมา นึกว่าพรานกลับหมดแล้ว (เรื่องนี้ไม่ยืนยัน จริงเท็จอย่างไร กรุณาสอบถามไปทางพรานป่าอันดับหนึ่งเมืองไทย คุณรพินทร์ ไพรวัลย์)
       สิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดคือ ประชากรเสือทั่วประเทศ คาดว่าจะเหลือเพียงไม่เกิน 200-300 ตัวเท่านั้น (ในป่า) สาเหตุเพราะการทำลายป่าไม้ และการไล่ล่าของมนุษย์ 
ต่อไปเราคงพบเสือได้ตามสวนสัตว์เท่านั้น

 

 





http://www.thaiwildlife.com/headline/tigerheadline.html


โดย:
งาน: งานห้องสมุด
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: http://www.thaiwildlife.com/headline/tigerheadline.html

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 1

อ่าน 0 ครั้ง