เงินไม่พอใช้....เงินหายไปไหนหมดเนี่ย...ทำไมเราไม่มีเงินเก็บเลย เป็นคำถามที่วัยรุ่นมักจะถามตัวเองอยู่เป็นประจำ
ผู้ใหญ่มักจะต่อว่าวัยรุ่นเสมอว่าใช้เงินเก่ง ทั้ง ๆ ที่ยังต้องแบมือขอเงินจากพ่อแม่ ไม่สามารถทำงานหารายได้ด้วยตัวเอง และมันก็เป็นจริงอย่างที่ผู้ใหญ่เค้าว่าซะด้วย...???
การใช้เงินเก่งของน้อง ๆ วัยรุ่นไม่ใช่ว่าจะโทษที่ตัวน้องมือเติบใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่อาจเป็นเพราะน้อง ๆ วัยรุ่นขาดการควบคุม ขาดการจัดสรรการใช้จ่ายที่ถูกต้องต่างหาก
สัปดาห์นี้เลยมีวิธีการบริหารการใช้เงิน 6 วิธีมาฝากกัน
วิธีแรก เปิดบัญชีธนาคารให้เหมาะสม วิธีนี้จัดให้สำหรับน้อง ๆ เด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ หรือต้องไปเรียนในจังหวัดที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตัวเอง
ทุกเดือนน้อง ๆ จะต้องขอเงินเดือนจากพ่อแม่ พ่อแม่ส่วนใหญ่จะใช้วิธีเข้าบัญชีให้เพราะสะดวกดี เลยแนะนำให้เปิดบัญชี ATMสาขาในกรุงเทพฯ หรือในจังหวัดที่เรียนอยู่ เพราะการกดเงินข้ามเขตจะต้องเสียค่าธรรมเนียม และควรกด ATM จากธนาคารเจ้าของบัญชี เห็นว่าตอนนี้กดข้ามธนาคารก็เสียค่าธรรมเนียมเหมือนกัน ยิ่งกดมากยิ่งเสียเงินเยอะ
วิธีที่สอง ทำบัญชีรายรับรายจ่าย อย่างที่บอกแล้วว่าน้อง ๆ มักจะถามตัวเองเสมอว่าเงินของเราหายไปไหนหว่า....
วิธีแก้ก็คือเราต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย ไม่ว่าจะจ่ายเงินค่าหนังสือ ค่าสบู่ ยาสีฟัน ซื้อของอะไรก็แล้วแต่ ควรจะเก็บบิลไว้และจดบันทึกประจำวันว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เราจะได้รู้ว่าใช้เงินเกินเงินเดือนที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาหรือเปล่า อ้อ...แล้วอย่าลืมเอาสมุดบัญชีธนาคารไปอัพเดทบ่อย ๆ ด้วย เราจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของยอดเงินแต่ละเดือน
วิธีที่สาม อยู่ห่างจากเพื่อนไฮโซเข้าไว้ วิธีนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คบเพื่อนไฮโซหรือปฏิเสธสังคมแต่ประการใด แต่อยากให้เลือกกลุ่มเพื่อนที่จะไปกินข้าว ไปช้อปปิ้งซักหน่อย เพราะถ้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ใช้เงินมือเติบ ตกเย็นต้องไปสังสรรค์กินโน่นนี่นั่นทุกวี่วัน เงินเดือน“ตอนแรกหนูยังไม่รู้จักในหลวง หนูก็สงสัยว่าผู้ชายที่ชอบใส่แว่นตาและมีกล้องถ่ายรูปห้อยคอในทีวีคือใครกันนะ ทำไมผู้คนต้องไหว้เขาด้วย หนูก็ถามคุณพ่อคุณแม่ ท่านทั้งสองก็บอกหนูว่าผู้ชายคนนั้นท่านคือในหลวง นี้เอง คุณแม่ได้เล่าเรื่องในหลวงให้หนูฟังมากมายหลายเรื่อง หนูคิดว่าในหลวงท่านเป็นคนดีมาก ท่านรักประเทศไทย และรักคนไทยมาก”
นี่คือส่วนหนึ่งของเรียงความจากใจเด็ก ป.1 ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ในโครงการประกวดเรียงความเยาวชนระดับประถมศึกษา
วันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ ได้มีการเปิดตัวหนังสือ “พระเจ้าอยู่หัวของฉัน” หนังสือที่เป็นการรวบรวมเรียงความที่บรรยายความรู้สึกของเยาวชนที่มีต่อในหลวง 12 ผลงานยอดเยี่ยม
มร.มาร์คัส เฮอร์รี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารได้จัดโครงการประกวดเรียงความเยาวชนระดับประถมศึกษาขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศได้แสดงความสามารถทางการเขียนและความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสอันเป็นมหามงคลที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
ปรากฏว่า มีเยาวชนทั่วประเทศส่งเรียงความเข้ามาเป็นจำนวนมากว่า 900 เรื่อง และได้คัดเลือกเรียงความยอดเยี่ยม 12 ผลงาน มาตีพิมพ์เป็นหนังสือ “พระเจ้าอยู่หัวของฉัน” โดยมีภาพประกอบ 12 ภาพ จากปลายพู่กันของ ม.ล.จิราธร จิรประวัติ ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์อันโดดเด่นสำหรับเรียงความแต่ละเรื่อง
สำหรับเรียงความในหนังสือดังกล่าว จะแบ่งหัวข้อซึ่งเป็นพระปรีชาด้านต่าง ๆ ของในหลวง ประกอบด้วย ด้านการเกษตร, ด้านเทคโนโลยีและพลังงาน, ด้านดนตรี, ด้านกีฬา, ด้านชีวิตความเป็นอยู่และสังคมทั่วไป
ส่วนน้อง ๆ ทั้ง 12 คน ที่เป็นตัวแทนจากเยาวชนทั่วประเทศมาถ่ายทอดความในใจต่อในหลวง คือ
ด.ญ.ศศิวิมล ไชยา ป.6 โรงเรียน บ้านไทยสามัคคี สระแก้ว
ด.ญ.อมลณัฐ อารีย์ พงศา ป.3 โรงเรียนแสงโสม กรุงเทพฯ
ด.ญ.ยุผกา พญาไทย ป.4 โรงเรียนบ้านดอนธรรม ลำปาง
ด.ญ.ใบฝ้าย กาเจริญ ป.6 โรงเรียนประถมสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กรุงเทพฯ
ด.ช.ทักษ์ดนัย แดนสีแก้ว ป.4 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ด.ช.ไตรภพ มูลประเสริฐ ป.6 โรงเรียน บ้านไทยสามัคคี สระแก้ว
ด.ญ.ภาณิศา โตชนะเกษม ป.6 Shrewsbury International School กรุงเทพฯ
ด.ช.มงคล ระวรรณ์ ป.6 โรงเรียนบ้านไทยสามัคคี สระแก้ว
ด.ช.ภาณุชัย งามวุฒิบาล ป.6 โรงเรียนยุวทูตศึกษา กรุงเทพฯ
ด.ช.พสิษฐ์ เทพา ป.3 โรงเรียนแสงโสม กรุงเทพฯ
ด.ญ.ปานชนก ทัศกุลณี ป.1 โรงเรียนสนิทวิทยา อ่างทอง, ด.ช.วุฒินันท์ เฟื่องจันทึก ป.6 โรงเรียนวัดขนงพระเหนือ นครราชสีมา
หนังสือ “พระเจ้าอยู่หัวของฉัน” จะถูกแจกจ่ายไปตามห้องสมุดโรงเรียนทั่วประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปที่ต้องการคงจะต้องควักระเป๋าซื้อในราคาเล่มละ 300 บาท และรายได้ทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยไม่หักค่าใช้จ่าย
|