ปรมาจารย์ด้านจิตวิเคราะห์ผู้โด่งดัง Erik H. Erickson กล่าวว่า... “เมื่อเด็กเริ่มเข้าสู่วัยเรียน เขามักมีความต้องการอย่างแรงกล้า ที่จะพัฒนาความรู้ความขยันหมั่นเพียร” (sense of Industry)
เหตุเพราะลูกเริ่มมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะรู้สึกพึ่งพิงตนเอง และมีอิสระมากขึ้น จึงอยากรู้อยากเห็น ต้องการแสวงหาคำตอบในเรื่องต่างๆ
เมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียน ก็ยิ่งต้องพบกับสิ่งแวดล้อม และประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ มากมาย ทั้งจากคุณครู –เพื่อนๆ –บท
เรียนวิชาต่างๆ –กิจกรรม กีฬา สันทนาการสารพัดสารพัน บวกกับความคาดหวังต่างๆ ทั้งจากคุณพ่อคุณแม่ คุณครู เพื่อนๆ เด็กวัยนี้จึงต้องปรับตัวอย่างหนัก ทั้งต้องเผชิญกับปัญหามากมายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
นอกจากนั้นเขายังอยู่ในวัยที่กระหายชัยชนะ การแข่งขันกับคนอื่นๆจึงเป็นโจทย์ที่อยู่ในใจของเขาเสมอ ทั้งที่ในความเป็นจริงแห่งชีวิต ทุกสิ่งมิใช่จะเป็นอย่างที่เราคิดฝันเพ้อเสมอไป แต่ความเข้าใจต่อเรื่องนี้ของพวกเขามันยังน้อยนัก
“เด็กมั่น” หลายต่อหลายคนพอพบกับ “ความพ่ายแพ้”เข้าให้ ก็ต้องถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ หรืออย่างน้อยก็รู้สึกท้อถอยแล้วก็เลิกใส่ใจ ทิ้งสิ่งที่เคยมุ่งมั่นไปเลย
ในขณะที่เด็กในกลุ่มขี้อายไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง หากผิดหวังซ้ำซากเข้าอีก ก็มักกลายเป็นคนเฉยชา หดหู่ หรือกลายเป็นเด็กเก็บตัวไปเลยจะเห็นได้ว่า ลูกๆในวัยนี้ที่ดูจะรักอิสระ รักเพื่อน แต่เนื้อแท้แล้วเขาก็ยังรักและต้องการคุณพ่อคุณแม่ ที่จะคอยให้กำลังใจ ให้คำแนะนำอย่างเข้าอกเข้าใจ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะยืดหยุ่นกับลูกในวัยนี้บ้าง การคาดหวัง หรือเคียวเข็ญจนเกินไป หรือการทอดทิ้งปล่อยปละ ก็มีแต่จะนำแต่ความกลุ้มใจ มีปัญหาน่าปวดหัวตามแก้ไม่จบสิ้น...
เด็กวัยเรียน( 5 ขวบขึ้น) ต้องการแสดงความคิดเห็น อยากเป็นส่วนหนึ่ง (ที่สำคัญ) ในกลุ่มเพื่อน อยากเป็นที่ยอมรับ ต้องการเรียนรู้และเข้าใจพรรคพวกในกลุ่มด้วย
“พวกเขาต้องการที่จะเห็นตัวเอง เป็นคนมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในสายตาของพ่อแม่ ญาติๆ คุณครู และ เพื่อนๆ...” ( นักจิตวิทยาเด็ก Smith and Others )
ภารกิจของคุณพ่อคุณแม่คือ ช่วยประคับประคองจิตใจของลูก เปิดหูเปิดใจเมื่อลูกปรับทุกข์ ระบายเครียด ทั้งจากปัญหาที่แบกมาจากโรงเรียน จากเพื่อน หรือจากครู หรือแม้จะเป็นเรื่องในบ้านที่ลูกคับข้องใจ ก็ควรรับฟังอย่างเต็มที่ โดยไม่รีบด่วนติติง และต้องงดเว้นการตำหนิ หรือบ่นด่าดุว่า มิฉะนั้นใจของลูกก็จะปิด(ตลอดไป) สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำก็คือคำชี้แนะราวรุ่นพี่ผู้หวังดีและมีประสบการณ์ และอย่าลืมให้กำลังใจในทุกครั้ง
Maxwell ได้ทำการศึกษาเด็กในวัยประถมศึกษาพบว่า...
- เด็กที่มาจากครอบครัวที่ เข้มงวดจัดเคร่งครัดเคร่งเครียด มักจะเศร้าหมอง ไร้สุข เก็บกด
ก้าวร้าว ควบคุมโทสะไม่ค่อยได้ แล้วก็ยังไม่กล้าคิด-ไม่กล้าพูด-ไม่กล้าทำสิ่งที่สร้างสรรค์ใดๆ และมักจะรู้สึกด้อยอยู่เสมอ
- เด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวที่ไม่เอาใจใส่ลูก ทิ้งๆ ขว้างๆ ปล่อยปละละเลย เด็กๆ มักจะกลายเป็นคนเอาแต่ใจตนอง ไร้ระเบียบ ไม่แคร์ใคร เห็นแก่ตัว อวดดื้อถือดี ชอบต่อต้านผู้อื่น และมักจะล้มเหลวในด้านการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นอยู่เสมอ
- ส่วนเด็กที่เติบโตมาจากบ้านที่มีบรรยากาศแบบประชาธิปไตย ( Democratic Parents) คือ พ่อแม่ใช้เหตุผล เปิดใจ ให้โอกาสเด็กๆ ได้แสดงความคิดเห็น ในขณะเดียวกันก็ฝึกให้เด็กๆ รู้จักรับฟังเหตุผลของผู้อื่น กล้าคิด กล้าทำ กล้าชนะ และกล้าแพ้ เด็กที่เติบโตจากครอบครัวประชาธิปไตยมักจะมีความสุขใจ เชื่อมั่นในตนเอง
เข้าอกเข้าใจผู้อื่น มีความคิดสร้างสรรค์ รู้สึกตนเองมีคุณค่า ไม่รู้สึกด้อย
และ มีพลังใจ
|