|
|
ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำหลักสูตร การเตรียมแผนการเรียนการสอน หรือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย เราในฐานะครูจำเป็นที่จะต้องรู้ซึ้งถึงวิธีการเรียนรู้ของหนูน้อยวัยนี้ โดยอาศัยข้อสันนิษฐานที่พอสรุปรวบรวมได้จากทั้งจากทฤษฎีและงานวิจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ สันนิษฐานข้อที่ 1 : เด็ก ๆ สร้างความรู้ของพวกเราเองในรูปของลำดับเหตุการณ์ซึ่งสามารถทำนายได้ เด็กไม่ใช่ปผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ และก็ไม่ใช่ภาชนะว่างเปล่าที่คอยแต่จะให้ผู้ใหญ่เป็นผู้เติมใส่ข้อมูล นับแต่วัยทารกเป็นต้นมา เด็กดิ้นรน ตื่นตัว และกระตือรือร้น เพื่อใช้ร่างกายและความคิดทำให้ตนเองเข้าใจกรอบตัว เด็กจะกระทำอย่างต่อเนื่อง และจัดเก็บประสบการณ์ไว้ในใจโลกรอบตัว เด็กจะกระทำอย่างต่อเนื่อง และจัดเก็บประสบการณ์ไว้ในใจอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ทางสังคมที่มีต่อผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่น ๆ หรือเป็นประสบการณ์ทางกายภาพที่เด็กมีต่อวัตถุต่าง ๆ เด็กจะสร้างกรอบความรู้ของตนเองผ่านประสบการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลและวัตถุ สันนิษฐานข้อที่ 2 : เด็ก ๆ เรียนรู้ผ่านปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่พวกตนมีต่อเด็กและผู้ใหญ่คนอื่น ๆ จากงานวิจัยทางพัฒนาการนำมาซึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า พัฒนาการทางปัญญาของเด็กมีความเชื่อมโยงอย่างเป็นองค์รวมกับพัฒนาการทางอารณ์และสังคม พัฒนาการของความคิดอ่านระดับสูงยิ่ง ๆ ขึ้น เร่มต้นจากปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและถูกบันทึกไว้ในใจอย่างเป็นลำดับต่อเนื่อง ความรู้ทางสังคมผุดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆ ที่อยู่แวดล้อมรอบตัว ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมนำมาซึ่งการรู้จักกับการได้มา ให้กลับ การเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงการร่วมมือกัน สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการปรับความแตกต่างของแต่ละคนในเรื่องของความเชื่อ ความคิด มุมมอง และเจตนา เพื่อนำมาซึ่งกฎและข้อตกลงที่ต่างฝ่ายต่างยอมรับได้ และนี่ก็คือกระบวนการที่เกิดขึ้นโดยอาศัยทักษะ ในการสื่อสาร คนเราหากไม่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพจะไม่มีทางเจรจาเพื่อให้เกิดสัมพันธภาพระหว่างกันได้ ความรู้สึกเป็นตัวของตัวเองจะผุดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมของการยอมรับและให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ความเป็นตัวของตัวเอง เป็นพัฒนาการของการรู้จักควบคุมตนเอง การมีทักษะความสามารถ ความรู้สึกเป็นอิสระและการรู้จักรับผิดชอบต่อการกระทำและความเชื่อของตนเอง พัฒนาการบุคลิกาภาพของเด็กที่ได้รับการหล่อเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ต่างฝ่ายต่างร่วมแรงร่วมใจเพื่อส่งเสริมการให้การยอมรับและให้ความเคารพระหว่างกันและกันรวมถึงความเป็นตัวของตัวเอง สันนิษฐานข้อที่ 3 : เด็ก ๆ เรียนรู้ผ่านการทดลองและจับต้องลองเล่น ทฤษฎีพัฒนาการเด็กปฐมวัยเสนอว่า เด็กเล็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านประสบการณ์ตรง พวกเขาเรียนรู้จากการกระทำ การได้สัมผัส การทดลอง การลองเลือก การพูดคุย และการเจรจา การได้จับต้องลองเล่นสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่แวดล้อมรอบตัวเป็นสิ่งสำคัญต่อเด็กใน การสร้างความรู้ การกระทำของเด็กที่มีต่อวัตถุและความคิดอ่านเกี่ยวกับผลของการกระทำจะไปเปลี่ยนแปลงความรู้ การให้เหตุผล และความเข้าใจเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาวิธีที่เด็กเรียนรู้เป็นสิ่งที่ครูทุกคนตระหนักเมื่อจัดทำหลักสูตร ทั้งนี้เพราะด้วยกระบวนการเรียนรู้นี้เองจึงทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของการศึกษาปฐมวัย เด็ก ๆ ต้องพัฒนาความเป็นตัวของตัวเองด้วยตนเองไม่ใช่จะได้มาโดยการมีใครมาสอนมาสั่งให้เป็นเช่นนั้นเช่นนี้ สันนิษฐานข้อที่ 4 : เด็กเรียนรู้ผ่านความผิดพลาดในการสร้างคามรู้ การทดลองที่เด็กเป็นผู้ตั้งใจเองถือเป็นงานวิจัยที่เกิดขึ้นเอง นัยหนึ่งมีความหมายว่า เด็กปรับความคิดอ่านและค้นพบความรู้ใหม่ หัวใจของการทดลอง ก็คือ การทำความผิดพลาดในการสร้างความรู้ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาด้านความคิดอ่านเรารู้ว่าเด็กเป็นผู้สร้างความรู้ขึ้นเพราะพวกเขามีไอเดียมากมายที่ผู้ใหญ่ไม่ได้สั่งสอน สำหรับเด็กทุกคน ไอเดีย ความสัมพันธ์ และประสบการณ์ จะกลาย มาเป็นสิ่งที่มีความหมายได้ก็ด้วยการตีความที่เด็กให้กับสิ่งเหล่านี้ เด็ก ๆ จำเป็นต้องตั้งสมมติฐานแล้วคอยพยายามทดสอบทั้งด้วยการคิดและการได้ลงมือจับต้องลองดู นั่นก็คือ สังเกตว่ามีอะไรเกิดขึ้น เปรียบเทียบผลลัพธ์ ถามคำถาม และค้นหาคำตอบ เมื่อวัตถุและเหตุการณ์ไม่ลงรอยกับรูปแบบการทำงานที่เด็กคิดไว้ในใจ เด็กจะถูกบีบบังคับให้ปรับรูปแบบหรือปรับโครงสร้างทางความคิดอ่าน เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลใหม่ ตลอดวัยเด็ก โครงสร้างทางความคิดอ่านเหล่านี้จะถูกปรับแต่ง ขยับขยาย และจัดระบบใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยอาศัยประสบการณ์ที่ได้มาใหม่ สันนิษฐานข้อที่ 5 : ความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กเป็นตัวจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ เด็กมี แรงขับภายใน เพื่อฝึกฝนความสามารถทางปัญญาที่ผุดขึ้น และเพื่อทำให้ประสบการณ์มีความหมายขึ้นมา นักการศึกษาปฐมวัยจำเป็นต้องบ่งชี้เนื้อหาที่ให้เด็กอยากรู้และปลุกเร้าความต้องการและความปรารถนาที่ตัวเด็กจะเป็นผู้คิดออกเอง กิจกรรมที่ผุดขึ้นจากความสนใจของเด็กเป็นตัวทำให้ได้มาซึ่งแรงจูงใจภายในเพื่อการเรียนรู้ มีหลายตัวอย่างที่เด็ก ๆ มักจะแสดงออกให้เห็นถึงการมีความคิดริเริ่ม ความคิดริเริ่มเกี่ยวข้องกับกระบวนการวางแผนการดำเนินการ และการจัดการกับชิ้นงานตลอดจนการติดตามเฝ้าดูจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ หลักสูตรที่หล่อเลี้ยงอุปนิสัยอย่างเช่นการมีความคิดริเริ่ม ความอยากรู้อยากเห็น ความใส่ใจ ความอุตสาหะ และรู้พัฒนาทักษะความสามารถต่าง ๆ สันนิษฐานที่ 6 : เด็ก ๆ เรียนรู้ผ่านการเล่น หากมองให้ละเอียด การเล่นเป็นตัวนำมาซึ่งเวทีสมบูรณ์แบบของการทำให้ทุกองค์ประกอบของความเป็นผู้เรียนรู้ในวัยเด็กเกิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา การเล่นเป็นตัวสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงน้อยและเป็นตัวลดผลด้านลบที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำความผิดพลาดไม่มีใครต้องลงทุนมากไปกับการเล่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในทางบวกมันเป็นแรงจูงใจภายในและทำให้เด็กสามารถค้นหาบทบาทที่นำมาซึ่งประโยชน์ต่อตนเองจากการทำกิจกรรมนี้เด็ก ๆ สามารถจับต้องลองเล่นกับวัตถุต่าง ๆ ได้ทดสอบไอเดีย และจัดระบบความสัมพันธ์ภายใต้โครงการที่สนับสนุนและเสริมด้วยกฎที่ไม่เคร่งครัด งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเล่นของเด็กในรูปแบบต่าง ๆ เป็นพาหนะที่ทรงประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเรียนรู้การเล่นเองของเด็กเปิดโอกาสให้มีการทดสอบ ลองทำซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งต่อการสร้างความรู้ การเล่นมีส่วนช่วยในการพัฒนาความคิดอ่านเชิงสัญลักษณ์หรือเล่นแสดงการเล่นเชิงสัญลักษณ์ทำหน้าที่เสมือนตัวแปรความจริงสู่โลกนามธรรมแห่งสัญลักษณ์ ระหว่างการเล่น เด็กเรียนรู้ที่จะจัดการกับความรู้สึก กับการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การแก้ไขความขัดแย้ง และการบรรลุซึ่งความรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้หนึ่งที่มีความสามารถ.... |
รายละเอียด |
โดย:
งาน: งานบริหารฝ่ายวิชาการ อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: วารสารทางการศึกษาสำหรับครู |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |