[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

โรคตาแดง ที่มักระบาดในฤดูฝน

โรคตาแดง ที่มักระบาดในฤดูฝน ว่าแต่โรคตาแดงเกิดจากอะไร อาการโรคตาแดง วิธีป้องกันโรคตาแดง วิธีการรักษาโรคตาแดง ทำอย่างไร มาดูกัน 

          หน้าฝนมาเยือนทีไร ก็มักจะนำหลาย ๆ โรคมาสู่คนเรา และหนึ่งในโรคสำคัญที่มักระบาดในฤดูฝน หรือในช่วงที่มีน้ำท่วม ก็คือ โรคตาแดง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา และติดต่อแพร่ระบาดผ่านกันได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ๆ ที่มีนิสัยชอบเล่นน้ำ อาจจะลงไปเล่นน้ำที่ท่วมขัง ซึ่งทุกปีกระทรวงสาธารณสุขจะออกมาประกาศเตือนให้เด็ก ๆ ระวังโรคตาแดง  

          วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำข้อมูลของ โรคตาแดง มาฝากกัน เพื่อให้สามารถป้องกันและเตรียมรับมือกับโรคตาแดงได้ค่ะ

http://img.kapook.com/image/icon/1675-emoticon-5379.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="60" /> โรคตาแดง เกิดจากอะไร

          โรคตาแดง (Conjunctivitis) เป็นโรคทางตาที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

          http://img.kapook.com/image/icon/4%20(4).gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" />
 โรคตาแดง จากเชื้อไวรัส (Viral Conjunctivitis)


           เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุตาจากการติดเชื้อไวรัส เป็นกลุ่มอาดิโนไวรัส (Adenovirus) ที่แบ่งเป็นกลุ่มย่อย ๆ ได้มากกว่า 50 กลุ่ม และประมาณ 1 ใน 3 สามารถทำให้เกิดโรคตาแดงได้ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด มักพบในช่วงฤดูฝน หรือน้ำท่วม และมักเกิดกับเด็กเล็ก ๆ ทั้งนี้การติดเชื้อไวรัสตาแดงมีทั้งหมด 3 ชนิด คือ 

          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 1.ชนิดคออักเสบร่วมด้วย
 
          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 2.ชนิดตาอักเสบไม่มาก
 
          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 3.ชนิดตาอักเสบรุนแรง ซึ่งชนิดสุดท้ายเป็นชนิดที่มีความรุนแรงมากกว่าทุกชนิด 

          http://img.kapook.com/image/icon/4%20%284%29.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" /> โรคตาแดง จากเชื้อแบคทีเรีย

          เป็นการอักเสบของเยื่อบุตาที่เกิดจากการติดเชื้อ S.epidermidis, S.aureus ซึ่งก็ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุตาเช่นเดียวกับเชื้อไวรัส 

          http://img.kapook.com/image/icon/4%20%284%29.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" /> โรคตาแดงจากภูมิแพ้ (Allergic Conjunctivitis)


          เป็นการอักเสบของเยื่อบุตาที่เกิดจากการแพ้ เช่น แพ้เกสรดอกไม้ ฝุ่น ยา ควันบุหรี่ เป็นต้น มักจะเป็น ๆ หาย ๆ และเป็นร่วมกับโรคภูมิแพ้ของอวัยวะอื่น เช่น น้ำมูกไหล หืด หรือผื่นแพ้ที่ผิวหนัง เมื่อเป็นติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้เป็นต้อลมและต้อเนื้อได้ อาการสำคัญคือ จะรู้สึกคันหัวตามาก ๆ มักมีตาแดงเรื่อ ๆ ทั้งสองข้าง รู้สึกระคายเคืองตา ตาบวม ต้องพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ 
 

โรคตาแดงhttp://img.kapook.com/u/patcharin/Health/Body/Eye/redeye.jpg" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle; width: 550px; height: 351px;" title="โรคตาแดง" width="550" />

 

http://img.kapook.com/image/icon/1675-emoticon-5379.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="60" />กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ โรคตาแดง

           โรคตาแดง สามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยเรียน วัยรุ่น วัยทำงาน ผุ้ใหญ่ ตลอดจนผู้สูงอายุ และมักเกิดในโรงเรียน โรงพยาบาล ที่ทำงาน สถานเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และ โรคตาแดง มักจะระบาดในช่วงฤดูฝน และระยะเวลาของโรคจะเป็นประมาณ 5-14 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่น


http://img.kapook.com/image/icon/1675-emoticon-5379.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="60" />โรคตาแดง ติดต่อกันทางไหน 

          โรคตาแดง สามารถติดต่อได้ง่าย ๆ โดย

          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 1.การคลุกคลีใกล้ชิด หรือสัมผัสกับผู้ป่วยโรคตาแดง ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดการติดต่อ โรคตาแดง จากการสัมผัสน้ำตาของผู้ป่วยที่ติดมากับนิ้วมือ และแพร่จากนิ้วมือมาติดที่ตาโดยตรง

          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 2.ใช้เสื้อผ้า หรือสิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
         
          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 3.ฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา

          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 4.แมงหวี่ หรือแมลงวันตอมตา

          http://img.kapook.com/image/icon/0882.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="13" /> 5.ไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะมือและใบหน้า

          ทั้งนี้ โรคตาแดง จะไม่ติดต่อทางการสบสายตา ทางอากาศ หรือรับประทานอาหารร่วมกัน และอาการต่าง ๆ จะเกิดได้ภายใน 1-2 วัน และระยะการติดต่อไปยังผู้อื่นประมาณ 14 วัน

 

โรคตาแดงhttp://img.kapook.com/u/patcharin/Health/Body/Eye/redf.jpg" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle; width: 550px; height: 402px;" title="โรคตาแดง" width="550" />


http://img.kapook.com/image/icon/1675-emoticon-5379.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="60" />อาการของโรคตาแดง

          ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัส จะมีอาการตาแดง เคืองตา ตาขาวจะมีสีแดงเรื่อ ๆ เพราะมีเลือดออกที่เยื่อบุตาขาว น้ำตาไหลเจ็บตา มักจะมีขี้ตามากร่วมด้วย โดยอาจเป็นเมือกใสหรือสีเหลืองอ่อน จากการติดเชื้อแบคทีเรียมาพร้อมกัน ต่อมน้ำเหลืองหลังหูมักเจ็บและบวม มักเป็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อน แล้วจะติดต่อมายังตาอีกข้างได้ภายใน 1-2 วัน ถ้าไม่ระวังให้ดี ถ้าระมัดระวังไม่ให้น้ำตามข้างทาง ที่ติดเชื้อไวรัสมาถูกตาข้างที่ดีจะไม่เป็นตาแดง แต่ส่วนใหญ่มักเป็นไปอีกข้างอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้บางรายอาจมีตาดำอักเสบ ทำให้เคืองตามาก และมีแผลที่ตาดำชั่วคราวได้ 

          ส่วนผู้ที่มีอาการตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย จะมีอาการตาแดง เคืองตา เจ็บตา มีขี้ตามากลักษณะข้น ๆ แบบหนอง เวลาตื่นนอนตอนเช้ามักมีขี้ตามากจนทำให้เปลือกตาติดกัน แต่อาการจะไม่เฉียบพลันและรวดเร็วเท่าโรคตาแดงจากเชื้อไวรัส


http://img.kapook.com/image/icon/1675-emoticon-5379.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="60" />โรคแทรกซ้อน โรคตาแดง

          บางคนเมื่อเป็นตาแดงแล้วจะมีอาการเคืองตามาก ลืมตาไม่ค่อยได้ มักมีอาการกระจกตาอักเสบแทรกซ้อน ซึ่งจะดีขึ้นได้ประมาณ 3 สัปดาห์ หรือบางรายเป็น 1-2 เดือน ทำให้ตามัวพร่าอยู่เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ในบางคนอาจเป็นตาดำอักเสบ จะมีอาการตามัวลงทั้ง ๆ ที่อาการตาแดงดีขึ้นมากแล้ว หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจเป็นอยู่นานหลายเดือน


 

วิธีรักษาโรคตาแดงhttp://img.kapook.com/u/saranya/health1/eye3.jpg" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle; width: 600px; height: 434px;" title="วิธีรักษาโรคตาแดง" width="600" />

 



http://img.kapook.com/image/icon/1675-emoticon-5379.gif" style="box-sizing: border-box; border: 0px; vertical-align: middle;" width="60" />วิธีรักษาโรคตาแดง

          วิธีรักษาโรคตาแดงจะใช้การรักษาตามลักษณะอาการของโรค เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสนี้โดยตรง ถ้ามีขี้ตามากก็หยอดยาปฎิชีวนะ มีไข้ เจ็บคอ ก็ใช้ยาแก้อักเสบร่วมด้วยกับยาลดไข้ ยาลดปวด 

          ผู้ป่วยโรคตาแดงต้องพยายามรักษาสุขภาพพักผ่อนมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการตาแดงอย่างรุนแรง ไม่ควรทำงานดึกควรนอนให้เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องปิดตาไว้ตลอด ยกเว้นมีกระจกตาอักเสบ เคืองตามาก จึงปิดตาเป็นครั้งคราว และควรสวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันแสง 

          ควรงดการใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน ทุกครั้งที่จับตาควรล้างมือให้สะอาด ผู้ป่วยไม่ควรลงเล่นน้ำในสระ จะแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปในน้ำได้

          หากรักษาด้วยยาป้ายตา หรือยาหยอดตานานเกิน 7 วัน แล้วอาการยังไม่ทุเลา หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดตามาก ตามัว ขี้ตาเป็นหนอง ลืมตาไม่ขึ้น มีไข้สูง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะหากทิ้งไว้นานถึงขั้นตาบอดได้ 






โรคตาแดง วิธีรักษาโรคตาแดง


โดย:
งาน: งานสุขอนามัย
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: kapook

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 8

อ่าน 21 ครั้ง