[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

ประวัติ -- หลวงพ่อโสธร

หลวงพ่อพุทธโสธรองค์จริงตามตำนานกล่าวว่า เป็นพระพุทธรูปหล่อเนื้อสัมริต ปางสมาธิราบ พระเนตรทราย ศิลลปะสมัยลานช้าง มีหน้าตักกว้างประมาณ ๑ ศอกเศษ สวยงาม ต่อมาพระสงฆ์ในวัดเห็นว่า กาลต่อไปภายหน้า คนที่มีกิเลส ตัณหา โลภะ แกร่งกล้า จิตใจใฝ่ต่ำเป็นบาป หมดศรัทธาเลื่อมใส จะนำเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว เพื่อความปลอดภัยจึงพอกพูนลงรักปิดทองเสริมให้ใหญ่หุ้มองค์จริงไว้ภายในดังปรากฏให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๔ นิ้ว หรือกว้าง ๑ เมตร ๖๕ เซนติเมตร สูง ๑ เมตร ๙๘ เซนติเมตร พร้อมกันนี้ก็มีการสร้างพระพุทธรูปติดบนแท่นฐานชุกชีทั้งหมด ๑๓ องค์ องค์หลวงพ่อพุทธโสธร คือ องค์ที่อยู่ตรงกลาง

               ตามตำนานว่ากันว่ามีพระพุทธรูปพี่น้อง ๓ องค์อยู่ทางเหนือของประเทศไทย มีอภินิหารแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ และเป็นพระหมอศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ขึ้นชื่อลือนามกาลเวลาต่อมาพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้แสดงฤทธิ์อภินิหารลอยน้ำล่องลงมาทางใต้ตลอดทางที่พระพุทธรูปทั้ง ๓ ผ่านลงมาประชาชนที่ได้พบเห็นเป็นบุญตากัน แต่ไม่ม่วาสนาที่จะอาราธนาให้ขึ้นจากน้ำมาประดิษฐานในท้องถิ่นของตนได้ตามความต้องการ ทั้งนี้จะเป็นด้วยยังมึถึงโอกาสและยังไม่ประสบกับสถานที่เหมาะสมต้องโฉลกที่จะประดิษฐานอยู่ก็ว่าได้ พระพุทธรูป ๓ พี่น้อง เมื่องล่องลอยน้ำผ่านไปตามสถานที่หัวเมืองไหนก็แสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์และโรคภัยต่างๆ ให้กับชาวบ้านตามเมืองที่ผ่านไปด้วย

             ต่อมาพระพุทธรูปทั้ง ๓ พี่น้อง ก็มาผุดขึ้นที่แม่น้ำบางปะกง เขต ต.สัมปทวน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา แล้วแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ลอยทวนกระแสน้ำทั้ง ๓ องค์ ให้ประชาชนชาวบ้านสัมปทวนได้เห็น ชาวบ้านสัมปทวนจำนวน ๕๐๐ คนเศษ ได้ช่วยกันเอาเชือกพรวนมะลิลาไปผูกมัดที่องค์พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ แล้วช่วยกันฉุดชัดลากให้ขึ้นฝั่ง แต่แปลกมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ที่ฉุดเท่าไรก็ฉุดไม่ขึ้น จนเชือกพรวนมะลิลาขาดสะบั้น พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ก็จมหายไปในแม่น้ำบางปะกง สถานที่แห่งนี้เคยได้ชื่อว่า ตำบลสามพระทวน ปัจจุบันการเรียกขานเปลี่ยนไปผวนคำว่าสามพระทวน เป็น สัมปทวน สถานที่แห่งนี้คือบริเวณหน้าวัดสัมปทวน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

               จากนั้นพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ก็แสดงปาฏิหาริย์ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นมาทางตอนเหนือของวัดโสธรปัจจุบัน โดยลอยวนอยู่ที่แหลมหัววน ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองพันทหารช่าง ช.๑ พัน ๒ ร.อ.ฉ.ช. แล้วเข้าไปในคลองฝั่งตรงกันข้ามกับกองพันทหารช่าง สถานที่พระพุทธรูปลอยวนอยู่นั้นเรียกว่า แหลมหัววน ส่วนคลองนั้นได้ชื่อว่า คลองสองพี่น้อง ต่อมาพระพุทธรูป ๓ พี่น้อง ก็ลอยผ่านหน้าวัดโสธรไปแสดงอภินิหารผุดขึ้นให้ประชาชนเห็น ลอยเข้าไปในคลองเล็ก ๆ ทางด้านทิศใต้ของวัดโสธร ชาวบ้านได้ทำการช่วยกันฉุดขึ้นฝั่งอีกเช่นเดียวกับชาวบ้านสัมปทวน แต่ไม่สำเร็จ คลองนั้นได้ชื่อว่า คลองบางพระ จวบจนทุกวันนี้

               ต่อจากนั้นพระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ได้แสดงอภินิหารลอยน้ำไปลำพังเพียงองค์เดียวที่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนสามเสน ประชาชนชาวสามเสนได้เห็น จึงช่วยกันลากฉุดพระพุทธรูปขึ้นฝั่งด้วยจำนวนคนถึงสามแสนคน แต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นไปผุดขึ้นที่แม่น้ำแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ประชาชนชาวประมง จ.สมุทรสงคราม ได้ช่วยกันอาราธนาขึ้นประดิษฐานไว้ ณ วัดบ้านแหลม มีชื่อเรียกกันว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม อยู่จนเท่าทุกวันนี้ ส่วนพระพุทธรูปองค์น้องสุดท้อง ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำเข้าไปในคลองบางพลี จ.สมุทรปราการ ชาวบ้านบางพลีได้ช่วยกันอาราธนาอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐาน ณ วัดบางพลี ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโต ส่วนพระพุทธรูปองค์กลางคือ หลวงพ่อพุทธโสธร ขณะที่มาผุดขึ้นที่หน้าบริเวณ วัดโสธร ปัจจุบันประชาชนจำนวนมากได้ช่วยกันทำการฉุดขึ้นฝั่งหลายครั้งหลายหน แต่ทำการไม่สำเร็จ จนกระทั่งมีอาจารย์ผู้มีความรู้ทางไสยศาสตร์ผู้หนึ่ง ได้ทำพิธีตั้งศาลเพียงตาบวงสรวงเอาสายสิญจน์คล้องกับพระหัตถ์หลวงพ่อพุทธโสธร แล้วชวนประชาชนทั้งชาวไทย ชาวจีน จับสายสิญจน์พร้อมใจกันอาราธนาขึ้นฝั่งได้โดยง่าย แล้วนำไปประดิษฐานที่ วัดโสธร สำเร็จตามความประสงค์เมื่อวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ พร้อมกันนี้ประชาชนชาวบ้านโสธรจึงได้จัดให้มีงานฉลองสมโภชและถวายนามว่า พระพุทธโสธร หรือ หลวงพ่อพระพุทธโสธร นั่นเอง

               ประเทศไทยของเราได้ชื่อว่าเป็นเมืองพระพุทธศาสนาเพราะประชากรส่วนใหญ่ของประเทศล้วนนับถือศาสนพุทธโดยมีองค์พระมหากษัตริย์ประมุขของชาติ เป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกศาสนาพุทธได้เข้ามามีบทบาทเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาช้านาน จึงมีอิทธิพลครอบคลุมแทรกซึมฝังลึกอยู่ในจิตใจของคนไทยทั่วไป สิ่งหนึ่งที่สำคัญจะขาดเสียมิได้คือ พระพุทธรูปที่เป็นรูปตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ศาสดาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเคารพกราบไหว้บูชาของคนไทยมาแต่โบราณกาลจะเห็นได้ว่า ตามชุมชนท้องถิ่นนั้นๆเพื่อเป็นที่เคารพสักการะกราบไหว้บูชาและเป็นที่พึ่งทางใจยามเกิดภัยพิบัติ หรือมีทุกข์ร้องสิ่งใด ชาวบ้านชุมชนนั้นก็มักจะพากันไปบนบานศาลกล่าว เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องตามความประสงค์ หรือเมื่อเกิดความทุกข์นั้นได้ถูกขจัดออกไป ซึ่งทำให้ชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่นนั้นยิ่งเกิดความเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์พระพุทธรูปนั้นๆแผ่ขยายเป็นวงกว้างไกลออกไปนานวันเข้าก็เลื่องลือเล่าขานเป็นตำนานสืบสานต่อๆกันมาชั่วลูกหลาน

               พระพุทธรูปสำคัญที่ประจำในชุนชนแต่ละท้องถิ่นของประเทศไทยนั้น มีอยู่หลายองค์ด้วยกัน แต่เฉพาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็เห็นจะได้กับพระพุทธรูป ๓ พี่น้อง อันได้แก่ หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ( แปดริ้ว ) หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม และ หลวงพ่อโต วัดบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์นั้น ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในด้านที่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะองค์ หลวงพ่อพุทธโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา นั้น เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นศักดิ์ศรีมิ่งขวัญและศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดฉะเชิงเทราและบุคคลทั่วไปทั่วทุกสารทิศทั้งใกล้และไกลที่ต่างก็ประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์และกฤษดาภินิหารขององค์หลวงพ่องพุทธโสธร จนเป็นที่เลื่องลือขจรขจายไปไกล จึงเป็นที่เคารพนับถือ และศรัทธาเลื่อมใสของผองชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ ตลอดจนถึงชาวต่างประเพื่อนบ้านเรือนเคียง อันได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเลเซีย โดยเฉพราะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่เคยมากราบไหว้สักการะบูชาขอพรบารมี และมีศรัทธาในองค์หลวงพ่อพุทธโสธรและเชื่อมั่นใจบุญกุศล มีศีลธรรมประจำใจ จะประจักษ์ในความสัมฤทธิ์ผลแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ขององค์หลวงพ่อพุทธโสธรเป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพุทธโสธรนั้นมีมากมายเหลือที่เล่าสู่กันฟังได้หมด เพราะแม้แต่น้ำในแม่น้ำบางปะกงที่ไหลผ่านหน้าวัดโสธรก็เป็นน้ำมนต์ของหลวงพ่อพุทธโสธรที่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังยิ่งนัก

             โดยเฉพาะองค์หลวงพ่อพุทธโสธรนั้นเปรียบเสมือน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรต้นใหญ่ ให้เหล่าสรรพสัตว์ได้พำนักอาศัยเป็นร่มโพธิ์กางกั้นสรรพภัยอันตรายความเดือดร้อนลำเค็ญให้สรรพสัตว์ได้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นแพทย์ผู้วิเศษรักษาพยาบาบผู้อาพาธให้หายขาด ไม่กลับคืนเป็นสรณะที่พึ่งพิงของหมู่พุทธบริษัทผู้ถูกภัยคุกคามเป็นโหราหมอดูพยากรณ์ ทายโชคชะตาวาสนาได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตให้ทุกท่านที่ต้องการทราบ เป็นบ่อบุญบ่อกุศล ของทายก ทายิกา ผู้ใฝ่หาบุญกุศล เป็นสัพพัญญูสำเร็จทุกวิชา ทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นบรมครู ของเทวดาและมนุษย์ผู้ที่ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าองค์หลวงพ่อพุทธโสธร แผ่บุญญาบารมีให้สรรพสัตว์และเวไนยสัตว์ ได้ดับร้อน และทุกข์เข็ญ อีกทั้งหลวงพ่อพุทธโสธรยังสามารถดลบันดาลความเป็นสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง โชคลาภนานัปประการ แต่ทั้งนั้นต้องอยู่บนฐานแห่งความศรัทธาและศีลธรรมประจำใจด้วย

               แปลกใจที่จะกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า วัดโสธรวรารามวรวิหาร อันเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อพุทธโสธรนี้ เป็นวัดที่มีรายได้มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ อีกทั้งวัตถุมงคลของหลวงพ่อพุทธโสธร มีราคาสูงกจากภาพรวม ๆ เหล่านี้เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพุทธโสธรเป็นอย่างดี และไม่ว่าวัตถุมงคลที่เป็นรูปพระพุทธองค์ใด ๆ ในประเทศทีเดียว ทั้งนี้จะเห็นได้จากในแต่ละวัน จะมีประชาชนทั่วทุกสารทิศหลากไหลกันเข้ามานมัสการองค์หลวงพ่อพุทธโสธรไม่ขาดสาย โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการจะมีจำนวนผู้คนมากเป็นพิเศษกว่าวันธรรมดา

 

 
 
    
    
    
    



 





คลิดดูรายละเอียดที่นี่


โดย:
งาน: งานห้องสมุด
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: http://www.buddhasothorn.com/thai/book_02.html

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 0

อ่าน 0 ครั้ง