[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

พระราชวังบางปะอิน

พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่ในอำเภอบางปะอิน ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะเมืองมาทางทิศใต้ประมาณ 18 กิโลเมตร
โดยใช้เส้นทางที่แยกจากเจดีย์วัดสามปลื้มผ่านวัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิงไปยังบางปะอิน 
ภายในพระราชวังบางปะอินมีสิ่งที่น่าสนใจ ดังนี้


 
พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นปราสาทอยู่กลางสระ 
สร้างในรัชกาลที่ 5 เดิมสร้างด้วยไม้ทั้งองค์ ต่อมารัชกาลที่ 6
โปรดฯ ให้เปลี่ยนเสาและพื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด


พระที่นั่งวโรภาษพิมาน เป็นท้องพระโรงอยู่ทางตอนเหนือของ 
''สะพานเสด็จ'' ซึ่งเป็นท่าน้ำสำหรับเสด็จพระราชดำเนินขึ้น
ลงเดิมเป็นเรือนไม้สองชั้น เป็นที่ตั้งประทับและท้องพระโรง
ร่วมกัน ต่อมารัชกาลที่ 5 โปรดฯให้รื้อสร้างใหม่เป็นอาคาร
ทรงวิหารกรีกแบบคอรินเธียรออร์เดอร์ ใช้เป็นท้องพระโรง 
สำหรับเสด็จออก ขุนนางในงานพระราชพิธี สร้างเสร็จในปี 
พ.ศ. 2419 เคยเป็นที่รับรองแขกเมืองหลายครั้งเช่นปี พ.ศ. 
2436 รับรองพระเจ้าชาร์นิโคลัส แห่งประเทศรัสเซีย ปี พ.ศ. 
2436 รับรองมองซิเออร์ปาวีร์ ฑูตฝรั่งเศส และปี พ.ศ. 2452 
รับรองดุ๊กและดัชเชสโยฮันเบรตแห่งเมืองบรันทวีทแห่งประ
เทศเยอรมันถึงในปัจจุบันก็ยังใช้เป็นที่รับรองแขกเมืองสำ
คัญอยู่เสมอสิ่งสำคัญในพระที่นั่งเป็นภาพชุดพระราชพงศาว
ดารกับภาพเรื่องอิเหนาพระอภัยมณีและรามเกียรติ์ 


หอวิฑูรทัศนา เป็นพระที่นั่งหอสูงยอดมน ตั้งอยู่กลางเกาะน้อยในสวนเขตพระราชวังชั้นใน ระหว่างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรกับพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ เป็นพระที่นั่ง 3 ชั้น มีบันไดเวียนเป็นหอส่องกล้อง 
ชมภูมิประเทศบ้านเมืองโดยรอบ 
สร้างในรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2424 

 

 


 

พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร อยู่ทางทิศตะวันออกตรงข้าม
กับสระน้ำ เป็นพระที่นั่งเรือนไม้หมู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
มีเฉลียง ตามแบบชาเลต์ของสวิส ทาสีเขียวอ่อนแก่ 
สลับกันด้วยงานช่างที่ประณีต สิ่งประดับตกแต่งภายใน
ประกอบด้วยเครื่องไม้มะฮอกกานี จัดสลับลายทองทับ
ที่สั่งจากยุโรปทั้งสิ้น นอกนั้นเป็นสิ่งของหายากในประเทศ
อันเป็นเครื่องราชบรรณาการจากหัวเมืองต่างๆ ทั่วราช
อาณาเขตรอบๆ มีสวนดอกไม้สวยงามเป็นที่น่าเสียดาย
อย่างยิ่งที่พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรได้เกิดเพลิงไหม้ขณะที่
มีการซ่อมรักษาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ทำให้
พระที่นั่งถูกทำลายไปกับ กองเพลิงหมดสิ้นทั้งองค์คงเหลือ
แต่หอน้ำ ปัจจุบันได้สร้างขึ้นใหม่ตามแบบเดิม ทุกประการ
แต่เปลี่ยนวัสดุจากไม้เป็นอาคารคอนกรีตแทน 


 


พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของพระราชวังถัดจากหอวิฑูรทัศนาขึ้น
ไป พระที่นั่งองค์นี้มีนามเป็นภาษาจีนว่า 
''เทียน เม่ง เต้ย'' (เทียน=เวหา, เม่ง=จำรูญ, เต้ย=พระที่นั่ง) 
ประชาชนทั่วไปเรียกว่า ''เก๋งจีน'' พระยาโชฎึกราช
เศรษฐี (ฟัก) สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นพระที่นั่งสำหรับประทับใน
ฤดูหนาว ลักษณะเป็นพระที่นั่งศิลปะแบบจีนที่มีลาย แกะสลักได้อย่างงดงามวิจิตรยิ่งโถงด้านหน้าปูด้วย
กระเบื้องแบบกังไส เขียนภาพด้วยมือทุกชิ้น แม้ว่า ภาพจะเหมือนกันแต่เนื่องจากเป็นงานฝีมือจึงมีความ แตกต่างกันในรายละเอียดที่ทำให้ดูสวยงาม 
ไปอีกแบบหนึ่ง ปัจจุบันเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้




 
 

อนุสาวรีย์พระอัครชายาเธอพระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ และเจ้าฟ้าสามพระองค์ 
หรืออนุสาวรีย์ราชานุสรณ์ ในปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเศร้าโศกเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่งอีก
ครั้งหนึ่ง ด้วยทรงสูญเสียพระอัครชายาเธอฯพระราชโอรสและพระราชธิดาถึง 3 พระองค์ในปีเดียวกันคือสมเด็จเจ้าฟ้า
สิริราชกกุธภัณฑ์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2430 พระอัครชายาเธอพระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม
พ.ศ. 2430 สมเด็จเจ้าฟ้าพาหุรัตมณีชัย เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2430 และสมเด็จเจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง เมื่อวันที่ 22 
พฤศจิกายน พ.ศ. 2430 ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2431 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์ที่ระลึกทำด้วยหินอ่อนแกะ
สลักพระรูป เหมือนไว้ใกล้กับอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี

อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (อนุสาวรีย์พระนางเรือล่ม) ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระราชวังก่อสร้าง
ด้วย หินอ่อนก่อเป็นแท่ง 6 เหลี่ยม สูง 3 เมตร บรรจุพระสริรังคารของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ 
พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


หอเหมมณเฑียรเทวราช เป็นปรางค์ศิลาในเขตพระราชวังชั้นนอกริมสระใต้ต้นโพธิ์ เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปรัชกาลที่ 5 
ทรงสร้างขึ้นแทนศาลเดิมที่ชาวบ้านสร้างไว้ อุทิศถวายพระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2422 

วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านทิศใต้คนละฝั่งกับพระราชวัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง เมื่อ พ.ศ. 2421 อาคารและการตกแต่งทำ
แบบโกธิค มีกระจกสีประดับ อย่างสวยงามภายในเป็นแบบฝรั่งแม้แต่ฐานที่ประดิษฐานพระประทาน คือ 
พระพุทธนฤมลธรรโมภาสและพระสาวกก็ไม่ได้ทำเป็นฐานชุกชีอย่างในโบสถ์ทั่วไป 
แต่ทำเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์คริสต์ ช่องหน้าต่างที่เจาะไว้ก็เป็นหน้าต่างโค้ง ที่ฝาผนังโบสถ์ด้านหน้าพระประธานจะเห็นภาพประดิษฐ์กระจกสีเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 
ด้านขวามือของพระอุโบสถนั้นมีหอแห่งหนึ่งคือ หอประดิษฐานพระคันธารราษฎร์ซึ่งเป็น พระพุทธรูปยืนปางขอฝน 
ตรงข้ามกับหอพระคันธารราษฎรเ์ป็นหอประดิษฐานพระพุทธศิลาเก่าแก่ปางนาคปรกอันเป็นพระพุทธรูปสมัยลพบุรี
ฝีมือช่างขอมอายุเก่าแก่นับพันปี พระนาคปรกนี้อยู่ติดกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ใหญ่ที่แผ่กิ่งไปทั่วบริเวณหน้าพระอุโบสถ 
ถัดไปอีกไม่ไกลนักเป็นหมู่ศิลาชนิดต่างๆ ที่มีในประเทศไทย เป็นที่บรรจุ อัฐิเจ้าจอมมารดาชุ่ม 
พระสนมเอกในรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และราชสกุลดิศกุล 




ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ในพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ จัดตั้งขึ้นในเขตที่ดินปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรมตำบลช้างใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ1,000 ไร่ 
ศูนย์ศิลปาชีพนี้มุ่งฝึกอาชีพเกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมต่างๆ วิชาที่สอนให้แก่เกษตรกรได้แก่ 
การประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยพืช การแกะสลัก การจักรสาน การทำตุ๊กตา การทำดอกไม้ประดิษฐ์
การทำเครื่องเรือน การทอผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า การย้อมสี ช่างเชื่อมและเครื่องเคลือบดินเผา ผลิตภัณฑ์ที่เสร็จ
แล้วจะส่งไปจำหน่ายที่ร้านจิตรลดาทุกสาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ ภายในบริเวณศูนย์ฯ มีจุดเด่นอีกบริเวณหนึ่งคือ
สวนนกบางไทรจัดสร้างเป็นกรงนกขนาดใหญ่ที่จำลอง สภาพธรรมชาติเข้าไว้ พร้อมกับ นกนานาพันธุ์กว่า 150 ชนิด 
ทั้งที่เป็นนกท้องถิ่นและนกหายากชนิดต่างๆ และยังมีอุทยานวังปลา ซึ่งจัดเป็นศูนย์ขนาดใหญ่
แสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายชนิดให้ชม

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ อัตราค่าผ่านประตู ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท 
(นักเรียนในเครื่องแบบ คนละ 5 บาท) รายละเอียดของศูนย์ฯ สามารถติดต่อได้ที่ โทร. (035) 366092

การเดินทางไปยังศูนย์ศิลปาชีพบางไทรสามารถไปทางเรือตามลำน้ำเจ้าพระยาถึงท่าน้ำของศูนย์ฯ หรือไปทางรถยนต์ เมื่อถึงอำเภอบางปะอินแล้ว มีทางแยกซ้ายเข้าสู่สายบางไทร-สามโคก ระยะทาง 24 กิโลเมตร ถึงศูนย์ศิลปาชีพฯ หรือหากไปจากกรุงเทพฯ จะใช้เส้นทางสายนนทบุรี-ปทุมธานี (ทางหลวงหมายเลข 306) เลยแยกรังสิตไปไม่ไกลนักจะมีทางแยกขวามือไปอำเภอบางไทร 





คลิกเพื่อดูรายละเอียดที่นี่


โดย:
งาน: งานห้องสมุด
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: http://www.thai.net/information/4thai_travel/ayutthaya/bangpain_visiting_3.htm

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 0

อ่าน 0 ครั้ง