[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

ชีวประวัติสุนทรภู่

                                                                                             ชีวประวัติสุนทรภู่...

             สุนทรภู่เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๑๒๑๖ ในเขตบางกอกน้อย  ตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่ราชวงศ์จักรี บิดาเป็นชาวบ้านกร่ำ  อำเภอเมืองแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นชาวเมืองอื่น ได้พากันมาอยู่ด้วยกันในกรุงเทพมหานคร สุนทรภู่เกิดเมื่อหลังจากได้สร้างกรุเทพมหานครแล้ว ๔ ปี  แล้วต่อมาในภายหลังบิดามารดาได้หย่าร้างกัน   บิดากลับไปบวชอยู่ที่เมืองแกลง 
ส่วนมารดาได้สามีใหม่มีบุตรหญิงอีก ๒ คน  ชื่อ ฉิม คนหนึ่ง ชื่อ นิ่ม คนหนึ่ง   แล้วได้เป็นนางนมพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง (พระองค์เจ้าจงกล)ดังนั้นสุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลังมาแต่เด็ก... เมื่อสุนทรภู่อายุได้ประมาณ ๒ ขวบมารดาได้นำไปฝากให้เรียน หนังสือกับพระในสำนักวัดชีปะขาว (ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามในรัชกาลที่ ๓ ว่า วัดศรีสุดาราม อยู่ริมคลองบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร)  ได้บวชเรียนอยู่ที่วัดหลายปีจนเป็นหนุ่ม เคยเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน แต่อุปนิสัยไม่ชอบการทำงานอย่างอื่น นอกจากแต่งบทกลอน และถนัดบอกดอกสร้อยสักวาได้แต่รุ่นหนุ่ม ด้วยเหตุเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน จนเกิดความคะนองใจ จึงลักลอบรักใคร่กับผู้หญิงชื่อ จัน ที่อยู่ภายในพระราชวังหลัง จึงถูกจำเวรทั้งชายหญิง เมื่อทั้งสองถูกจำเวรอยู่ไม่นานนัก เมื่อสุนทรภู่อายุได้ ๒๐ ปี เป็นเวลาที่กรมพระราชวังหลังทิวงคต  คือเมื่อ พ.ศ.๒๓๔๙ จึงได้ออกเดินทางไปหาบิดาที่เมืองแกลง และได้แต่งนิราศเมืองแกลงขึ้น นับว่าเป็นนิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่   บิดาของสุนทรภู่ได้บวชเป็นเจ้าคณะเมืองแกลง  มีฐานานุกรมเป็นพระครูธรรมรังสี การที่สุนทรภู่ไปหาบิดาครั้งนี้  เนื่องด้วยมีอายุครบอุปสมบท ต้องการบวชล้างอัปมงคล 
ที่ถูกเวรจำ   แต่ก็ไม่ได้บวชเพราะป่วยเป็นไข้ป่ามีอาการหนักแทบถึงตาย ต้องรักษาพยาบาลกันแรมเดือนจึงได้หาย พอหายดีก็เดินทางกลับมากรุงเทพมหานคร...       เมื่อสุนทรภู่กลับมาจากเมืองแกลงแล้ว ได้มาเป็น มหาดเล็กพระองค์เจ้าปฐมวงศ์พระโอรสพระองค์น้อยของกรม พระราชวังหลัง ในเวลาไม่นานนักก็ได้แต่งงานอยู่กินกับหญิง ชื่อ จัน ชาววังผู้เป็นที่รัก ครั้นในภายหลังนางจันภรรยาได้หนี ไปจากบ้าน เข้าใจว่าไม่สามารถทนทานกับการเป็นเจ้าชู้และขี้เมา ของสุนทรภู่ไม่ไหว ตามหลักฐานที่ปรากฎในนิราศต่าง ๆ สุนทรภู่มีเมียราว ๔-๕ คน คือ นางจัน นางม่วง นางนิ่ม นางแก้ว และนางบัวคำ 
และมีบุตรเพียง ๓ คนเท่านั้นคือ หนูพัด หนูตาม และหนูนิล...     เมื่อขึ้นรัชกาลที่ ๒ สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก ในกรมพระอาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดปรานกวีมาก จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้สุนทรภู่เป็น ขุนสุนทรโวหาร เป็นที่ปรึกษาทางกวีนิพนธ์ ประจำพระองค์   เมื่อสุนทรภู่ได้เป็นขุนสุนทรโวหารแล้ว ในขณะที่กำลังเมาสุราได้ไปหามารดา    มารดาได้ว่ากล่าว กลับขู่เข็นมารดาขณะนั้นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งได้เข้า ไปห้ามปราม ถูกสุนทรภู่ทุบตีจนบาดเจ็บสาหัส ญาติผู้นั้นได้นำความ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขุนสุนทรโวหารถูกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยกริ้วมาก ถึงกับรับสั่งเอาตัวไปจำคุก สุนทรภู่ติดคุกอยู่ไม่นานเท่าใด ได้อาศัยความรู้ทางกวีช่วยให้ตนเองหลุดพ้นออกมา จากคุกได้ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์ บทละครเรื่องรามเกียรติเกิดติดขัด ไม่มีผู้ใดแต่งให้พอ พระราชหฤทัยได้ จึงรับสั่งให้มหาดเล็กไปเบิกตัวสุนทรภู่ออกมา  สุนทรภู่ก็สามารถแต่งบทละครต่อได้ดังพระราชประสงค์ในเวลา อันสั้น ได้โปรดให้พ้นโทษและกลับเข้ามารับราชการตามเดิม... 
      เมื่อปลายรัชกาลที่ ๒ ได้โปรดให้ขุนสุนทรโวหารเป็นครูสอนหนังสือ ถวายพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอาภรณ์ แม้แต่กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยก็ยังเลื่อมใส ศรัทธาในตัวสุนทรโวหารมากถึงกับยกย่องให้เป็นที่ปรึกษาทางกวีนิพนธ์ แต่มีอยู่โอกาสหนึ่งขุนสุนทรโวหารได้ทำให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้รับ ความอับอายและกริ้วมาก และทรงมึนตึงต่อขุนสุนทรโวหารมาตลอดเวลา คือขณะที่กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนาตอน บุษบาอาบน้ำในลำธารเมื่อท้าวดาหาพาใช้ให้ไปบน ซึ่งมีความว่า ''น้ำใส ไหล เย็น แลเห็น ตัวปลา แหวก กอบัว อยู่ไหวไหว''  สุนทรภู่ติว่ายังไม่ดีควรแก้เป็น ''น้ำใส ไหล เย็น เห็น ตัวปลา แหวกว่าย ปทุมมา อยู่ไหวไหว'' 
      ครั้นเมื่อรัชกาลที่ ๓ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ขึ้น ครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ชีวิตของสุนทรภู่ที่เคยมีความเป็นอยู่อย่างผาสุกก็ตกอับลง ถูกถอดยศถาบรรดาศักดิ์ ครั้งนี้สุนทรภู่ต้องมีชีวิตอยู่อย่าง แร้นแค้นเป็นที่สุด เที่ยวระหกระเหินเร่ร่อนอด ๆ อยาก ๆ 
ต้องหลบหนีอาชญาแผ่นดินอยู่เสมอ ในที่สุดตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้งที่วัดเลียบ (วัดราชบูรณะ) ขณะนั้นสุนทรภู่มีอายุได้ ๔๑ ปี เมื่อบวชได้นาน ๓ พรรษา มีเรื่องอธิกรณ์เกิดขึ้นจึงถูกบัพพาชนิยกรรมขับไล่ออกไป จากวัดเลียบจนย้ายไปอยู่วัดเทพธิดาราม และวัดพระเชตุพนฯ วัดมหาธาตุ สุนทรบวชอยู่ได้ ๗ หรือ ๘ พรรษา ก็ได้ลาสิขาบท...    เมื่อสุนทรภู่ลาสิขาบทแล้วก็ได้รับราชการอยู่กับพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ แต่เวลาผ่านได้ไม่นานพระองค์เจ้าลักขณานุคุณสิ้นพระชนม์   ทำให้สุนทรภู่ไร้ที่พึ่งอีกครั้งและครั้งนี้ก็ตกทุกข์ได้ยากยิ่งกว่าครั้งก่อน  ถึงกับท่องเที่ยวพายเรือขายของเลี้ยงชีพ และได้แต่งคำกลอน   พระอภัยมณีขายด้วย ในครั้งนี้ทำให้กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ   พระราชธิดาองค์หนึ่งในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนิยมเนื้อหาอรรถรสใน หนังสือ ที่สุนทรภู่แต่งไว้มาก  จึงได้โปรดให้สุนทรภู่แต่งต่อถวายอีก และได้อุปถัมภ์ค้ำจุนสุนทรภู่มาตลอดเวลา เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ได้ทรงเกื้อกูลสุนทรภู่ด้วย อีกพระองค์หนึ่ง... 
        เมื่อกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพสิ้นพระชนม์ สุนทรภู่ก็ได้แต่พึ่ง พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เดียวโดยได้ทรงรับเลี้ยงดูไว้ อยู่ที่พระราชวังเดิม ครั้งถึงรัชกาลที่ ๔ สุนทรภู่ได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่ง โดยได้รับการอนุเคราะห์จากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว 
ทรงแต่งตั้งให้สุนทรภู่เป็น พระสุนทรโวหารเจ้ากรมอาลักษณ์ของพระองค์เอง ทำให้สุนทรภู่มีความสุขในชีวิตบั้นปลาย และได้อยู่ในตำแหน่งนี้นานราว ๖ ปี  ได้ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.๑๒๙๘ มีอายุได้ ๗๐ ปี  ทายาทผู้สืบสกุลของสุนทรภู่ต่อมา  ใช้นามสกุลว่า ''ภู่เรือหงษ์''... 





คลิกที่นี่


โดย:
งาน: งานห้องสมุด
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: http://www.tourthai.com/picture/general/pic03854.html

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 0

อ่าน 0 ครั้ง