[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

บุคลิกภาพความเป็นชายและความเป็นหญิง

บุคลิกภาพความเป็นชายและความเป็นหญิง 


บุคลิกภาพความเป็นชาย (Masculinity) และความเป็นหญิง (Femininity) แชบลิน (Chaplin) ได้ให้ความหมายไว้ใน Dictionary of Psychology ว่า ความเป็นชาย (Masculinity) หมายถึง สถานภาพหรือเงื่อนไขของร่างกายที่ทำให้ปรากฏคุณลักษณะของเพศชาย ความเป็นหญิง (Femininity) หมายถึง คุณภาพของคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้ปรากฏเป็นเพศหญิงหรือคุณภาพหรือสถานภาพเริ่มต้นของเพศหญิง 
มิลเลอร์และเครม (Miller and Keame) ได้ให้ความหมายของความเป็นชายและความเป็นหญิงไว้ใน Encychopedia and Dictionary of Medecine Nursing and Allied Health ดังนี้ ความเป็นชาย หมายถึง ขบวนการที่เกี่ยวกับคุณภาพของเพศชาย ความเป็นหญิง หมายถึงคุณภาพทั่วไปของคุณลักษณะความเป็นหญิง 
เดโช สวานนท์ กล่าวว่า หญิงมีความสุข เก็บตัว ควบคุมจริตกิริยาได้ดีกว่าชายโดยทั่วไป ทั้งนี้อาจมีกรณีพิเศษเป็นส่วนน้อยที่เด็กหญิงประพฤติเยี่ยงเด็กชายและโดยนัยตรงกันข้ามเด็กชายประพฤติเยี่ยงเด็กหญิง เหตุที่ความผิดแผกระหว่างทั้งสองเพศมีขึ้นก็เนื่องด้วยวัฒนธรรมของสังคมเป็นไปอย่างนั้น 
สุพัตร พูลเกษ กล่าวว่า ความเป็นชายหรือหญิงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย 7 อย่างด้วยกันได้แก่ ลักษณะของโครโมโซม ชนิดของต่อมเพศ ลักษณะของเครื่องเพศภายใน ลักษณะมองเห็นภายนอก สภาพของฮอร์โมน การกำหนดเพศ และการอบรมเลี้ยงดู สำหรับในทางปฏิบัตินั้นพบว่าปัจจัยสองประการ ได้แก่ การกำหนดเพศและการอบรมเลี้ยงดูนั้นมีความสำคัญมากที่สุด 
สมโภชน์ สุขวัฒนษ กล่าวว่า โดยธรรมชาติคนเราเกิดมาไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย จะมีฮอร์โมนทั้งสองเพศอยู่ในตัวคนเดียวกันเสมอ เพียงแต่อะไรมากอะไรน้อยเท่านั้น เมื่อเติมโตขึ้นลักษณะทางกายที่แสดงออกจะเป็นชายหรือหญิง ก็จะแสดงออกแตกต่างกันตามฮอร์โมนเพศชายหรือเพศหญิง แต่ในเรื่องของทางจิตใจนั้น เชื่อว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นตัวกำหนดบทบาที่สำคัญ ความเป็นชายหรือหญิงจะสมบูรณ์เมื่อร่างกายและจิตใจสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี 
บาร์แกน (Bakan) ได้ให้ความหมายของความเป็นชาย (Masculinity) ด้วยคำว่า Agency และความเป็นหญิง (Femininity) ด้วยคำว่า Communion ซึ่ง Agency หมายถึง การแสดงคุณลักษณะของการป้องกันตนเอง อันได้แก่ การป้องกันตนเอง (Self-Protection) การรักษาผลประโยชน์ของตนเอง (Self-Assertion) การทำตัวให้กว้างขวาง (Self-Expersion) มีลักษณะแบ่งแยกและมีแรงจูงใจใฝ่รู้ และ Communion หมายถึง การแสดงคุณลักษณะในการเกี่ยวพันระหว่างสิ่งต่าง ๆ อันได้แก่ การติดต่อ (Contact) การเปิดเผย (openness) การร่วมมือ (Union) ขาดการแบ่งแยก (The Lack of Separations) และไม่รักษาสัญญาที่จะร่วมมือกัน (Noncontractual Cooperation) 
การพัฒนาแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิง 


การพัฒนาแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิง โดยอาศัยแนวความคิดและความเชื่อต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ดังที่นำเสนอต่อไปนี้ 

1. ลักษณะเป็นมิติเดี่ยว (Unidimensionality) 
หมายถึง ลักษณะรวมของคุณลักษณะต่าง ๆ ของบุคลิกภาพที่แสดงถึงความเป็นชายและความเป็นหญิง ซึ่ง ลิฟส์ และคอลวิลล์ (Lips and Colwill) กล่าวว่า หมายถึง ความเกี่ยวพันของตนเองกับลักษณะรวมของทัศนคติและพฤติกรรม ซึ่ง เทอร์แมนและไมล์ส (Terman and Miles) เป็นคนแรกที่ศึกษาถึงลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงของคนในสังคมอเมริกา สรุปว่า เราสามารถทดสอบลักษณะความเป็นชายในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นปกติที่แสดงลักษณะเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วย คนสนใจในพฤติกรรมที่กล้าหาญและการผจญภัย ชอบงานกลางแจ้งและกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว สนใจในงานช่างกลและเครื่องกลไกต่าง ๆ สนใจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ปรากฏการทางพิสิกส์ การประดิษฐ์และเหตุการณ์ปัจจุบัน ชอบงานธุรกิจ งานพาณิชย์และการใช้เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับกลุ่มผู้หญิง แสดงลักษณะเฉพาะซึ่งแสดงความสนใจในงานบ้าน เครื่องประดับตกแต่งและความสวยงาม อาชีพที่สนใจเป็นพิเศษก็คืองานที่ทำอยู่กับโต๊ะทำงาน งานนอกบ้านรวมถึงการรับใช้และปรนนิบัติ พิถีพิถันกับความงาม ชอบช่วยเหลือและมักเป็นทุกข์กังวลกับสิ่งปลีกย่อย ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงลักษณะรองเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือเรื่องของอารมณ์ซึ่งเป็นตัวกำหนดโดยตรง ซึ่งผู้ชายจะแสดงออกทั้งทางตรงและทางอ้อม ลักษณะเด่นคือ ถือความคิดของตนเป็นใหญ่ มีความก้าวร้าว มีความอดทนสูงและกล้าหาญ กิริยาแข็งกระด้างกว่าทั้งคำพูดและความรู้สึก ผู้หญิงแสดงออกในลักษณะที่แสดงความเมตตาสงสารมากกว่า เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ขี้อาจ จู้จี้และชอบความสวยงาม มีอารมณ์อ่อนไหวมากกว่า เคร่งครัดในเรื่องของจริยธรรม มีการควบคุมอารมณ์และกิริยาได้น้อยกว่า โดยที่เทอร์แมนและไมล์ส (Terman and Miles) ได้พัฒนาแบบทดสอบ Terman-Miles Attitude Interest Analysis Test เป็นแบบทดสอบวัดลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงในลักษณะทั่ว ๆ ไป โดยใช้ความแตกต่างระหว่างเพศของกลุ่มตัวอย่าง แบบทดสอบมีการวัด 7 ลักษณะ ได้แก่ การจัดหมวดหมู่ของคำ แบบหยดหมึก (Ink Blot) แบบสอบถามส่วนตัว แบบสำรวจความสนใจ แบบสำรวจตนเอง อารมณ์และทัศนคติเกี่ยวกับความงาม และความคิดเห็นต่าง ๆ การหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบหาโดยใช้วิธีแบบแบ่งครึ่ง (Split-Half) ได้ค่าตั้งแต่ 0.32 ถึง 0.90 

2. คุณลักษณะในสองทิศทาง (Bipolarity Concept) 
อิงลิสซ์ และอิงลิสซ์ (English and English) ได้ให้นิยามคุณลักษณะสองทิศทางไว้ว่า เป็นมิติของบุคลิกภาพที่ไม่ใช่สถานภาพเดียว ที่ไม่ได้เกิดจากจุดเริ่มต้นที่ศูนย์ไปยังจุดอื่น ๆ แต่เริ่มต้นจากจุดปลายสุดของสิ่งหนึ่งไปยังสิ่งที่ตรงข้าม (Opposite) กับสิ่งนั้น และมีความสัมพันธ์กันในทางลบ 
ลิฟส์และคอลวิลล์ (Lips and Colwill) กล่าวว่า เป็นโครงสร้างเดียวซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามจากลักษณะความเป็นชายสูงไปยังลักษณะความเป็นหญิงสูง ที่สามารถสันนิษฐานได้ด้วยจุดกึ่งกลาง 
คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) กล่าวถึงโครงสร้างของแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิงของคุณลักษณะสองทิศทาง (Bipolality) ว่าตั้งอยู่บนข้อตกลงเบื้องต้น 3 ประการคือ 
1. ความต่อเนื่องของคุณลักษณะสองทิศทางของเพศเดียวกัน ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่มีความสัมพันธ์กันของแบบทดสอบวัดความเป็นชายและหญิง และข้อสอบที่คัดเลือกได้ควรมีประสิทธิภาพในการจำแนกการตอบของทั้งสองเพศได้ 
2. สิ่งที่แสดงถึงลักษณะตรงข้ามกันในการตอบแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิง มีทางให้เลือกสองทิศทาง 
3. การใช้คะแนนผลรวมของแบบทดสอบคาดคะเนบุคลิกภาพความเป็นชายและความเป็นหญิง ขึ้นอยู่กับลักษณะสองทิศทางเพียงอย่างเดียว 
แคปแลนด์และซิดนีส์ (Kaplan and Sadney) ได้กล่าวถึงความแตกต่างของแบบทดสอบวัดบทบาททางเพศในลักษณะสองทิศทางว่าแบบดั้งเดิมว่า เป็นคุณศัพท์ที่มีคำตรงข้ามกัน เช่น 
การบังคับ (Forceful) ___ ___ ___ ___ ___ ___ ___ความอ่อนโยน (Gentle)
ซึ่งถ้าบุคคลใดมีลักษณะทั้งสองประการอยู่ในตัวก็จะให้คะแนนตรงจุดกึ่งกลาง ซึ่งทำให้ไม่สามารถจำแนกบุคคลที่มีลักษณะความเป็นชายและหญิง (Androgyny) ได้อย่างถูกต้อง ซึ่ง เบ็ม (Bem) คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) สแปน, เฮมริชส์ และสแตปป์ (Spance, Helmrich and Stapp) ได้ปฏิเสธลักษณะของแบบทดสอบดังกล่าว และถือว่าลักษณะความเป็นชายและหญิงนั้นเป็นอิสระจากกัน ซึ่งแบบทดสอบตามแนวคิดดังกล่าวจะมีลักษณะดังนี้ 
สูง ___ ___ ___ ___ ___ ___ ___ต่ำ
การบังคับ (Force Full)
สูง ___ ___ ___ ___ ___ ___ ___ต่ำ
ความอ่อนโยน (Gentle)
และจากแนวคิดดังกล่าว เบ็ม (Bem) ได้พัฒนาแบบทดสอบวัดบทบาททางเพศในลักษณะของแบบทดสอบวัดความเป็นชายและหญิง โดยกล่าวว่า ลักษณะความเป็นชายและหญิงนั้นเป็นอิสระจากกัน เป็นไปได้ที่บุคคลจะมีลักษณะความเป็นชาย (Masculinity) ลักษณะความเป็นหญิง (Femininity) และลักษณะความเป็นชายหญิง (Androgyny) ลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงนั้นเป็นลักษณะเฉพาะของบุคคล และพบว่า 
1. ลักษณะของความเป็นชายและหญิงนั้นหาได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (Empirically) และตามหลักตรรกวิทยา (Logically) ซึ่งเป็นอิสระจากกัน 
2. มโนภาพ (Concept) ทางจิตวิทยาของลักษณะความเป็นชายหญิง (Androgyny) เชื่อถือได้ว่าเป็นมิติเดียว 
3. คะแนนจากแบบแผนทางเพศ (Sex Type) สูง ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะทั่วไปในความโน้มเอียงในการตอบสนองความปรารถนาทางสังคมโดยตรง แต่เป็นลักษณะเฉพาะของความโน้มเอียงในความเป็นตัวของตัวเองที่เหมาะสมสำหรับแบบแผนทางเพศ (Sex Types) ที่เป็นมาตรฐาน และได้พัฒนาแบบทดสอบชื่อว่า เบ็ม เช็ก โรล อินเวนทอรี่ (Bem Sex Role Inventory) ลักษณะของแบบทดสอบประกอบด้วยข้อสอบ จำนวน 60 ข้อ ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ แต่ละข้อมี 7 สเกล โดยให้ตอบว่ามีมากหรือน้อยในลักษณะของคุณศัพท์เหล่านั้น โดยแบ่งเป็นวัดลักษณะความเป็นชาย (Masculinity) 20 ข้อ ความเป็นหญิง (Femininity) 20 ข้อ และวัดลักษณะกลาง ๆ ทั่ว ๆ ไป (Neutral) 20 ข้อ ซึ่ง กลูโคลซ์ (Grudreau) ได้หาความเที่ยงตรงของแบบทดสอบโดยทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตำรวจชายซึ่งถือว่ามีลักษณะของความเป็นชาย จำนวน 36 คน และกลุ่มตัวอย่างที่เป็นแม่บ้านซึ่งถือว่ามีลักษณะความเป็นหญิง จำนวน 36 คน พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายและความเป็นหญิงมีค่า r เท่ากับ -0.91 
การแปลความหมายของคะแนน 
1. มีลักษณะความเป็นชาย (Masculine) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายสูงและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงต่ำ 
2. มีลักษณะความเป็นหญิง (Feminine) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงสูงและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายต่ำ 
3. มีลักษณะความเป็นชายหญิง (Androgyny) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายสูงและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงสูง 
4. มีลักษณะไม่แตกต่าง (Undifferentiate or Undeterminate) เมื่อได้คะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นชายต่ำและคะแนนจากแบบทดสอบวัดความเป็นหญิงต่ำ 

3. ลักษณะในหลายมิติ (Multidimension) 
เบอร์นาร์ด (Bernnard) มีแนวความคิดว่า ความเป็นชายและความเป็นหญิงน่าจะมีลักษณะในหลายมิติ (Multidimensional) จึงได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Stong Vocational Interest Blank (SVIB.MF) , Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI.MF) , California Psychological Inventory (CPI,Fe) , Guilford Temperament Survey (G.M) ได้องค์ประกอบของความเป็นชายและหญิงใน 5 องค์ประกอบดังต่อไปนี้ 
1. สนใจในความงาม (Aesthetic Interest) ประกอบด้วยความสนในศิลปที่ดี อักษรศาสตร์และอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการค้นคว้า 
2. สนใจในสิ่งที่ต้องใช้กำลัง (Manual and Physical) เช่น การประกอบอาชีพความบันเทิงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอันตราย 
3. มีความอ่อนไหวสูง (Hypersensitivity) คือมีลักษณะของความกังวลหรือมีอาการโรคจิตของความวิตกกังวล 
4. ขี้อาจและเก็บความรู้สึกในใจ (Timidity and Sintimentality) คือมีลักษณะของความคิดสูงในการพิจารณาผลกระทบต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับร่างกายภายนอก 
5. ความหุนหันพลันแล่น (Temerity) คือกล้าแนะนำและเอะอะอึกทึก 
เบอร์นาร์ด (Bernard) ได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) และ Bem Sex Role Inventory (BSRI) ในสเกลวัดความเป็นชายและความเป็นหญิงจากนิสิตจำนวน 207 คน เป็นชาย 90 คน หญิง 117 คน ได้องค์ประกอบของความเป็นชายและความเป็นหญิงใน 7 องค์ประกอบดังต่อไปนี้ 
1. สนใจในความสวยงาม (Aesthetic Interest) 
2. ชอบสิ่งที่ต้องใช้กำลัง (Manual and Physical Interest) 
3. มีความอ่อนไหวสูง (Hypersensitivity) 
4. ทำตัวเป็นเครื่องมือ (Instrumental - Agentic) 
5. แสดงความปรารถนาอยู่ร่วมกัน (Expressive - Communal) 
6. ขี้อาจและเก็บความรู้สึก (Timidity and Sentimentality) 
7. ความหุนหันพลันแล่น (Temerity) 
บาร์ซิลส์ วิลลิงส์ และวอทเทอร์ (Barzins, Willing and Watter) ได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Bem Sex Role Inventory ได้องค์ประกอบของความเป็นชายและความเป็นหญิงใน 7 องค์ประกอบ โดยแบ่งเป็น 
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นชาย มี 4 องค์ประกอบ คือ 
1. ความมีอำนาจในสังคม (Social Ascendency) ประกอบด้วยความเป็นผู้นำ (Leader) แสดงความมีอำนาจเหนือ (Dominant) มีลักษณะเป็นหัวหน้า (Forceful) มีความก้าวร้าว (Agressive) ถืออภิสิทธิ์ (Assertive) และมีบุคลิกภาพเข้มแข็ง (Strong Personalities) 
2. ความเป็นอิสระ (Autonomy) ประกอบด้วย การพึ่งตนเอง (Independent) ความพึงพอใจในตนเอง (Self-Suffecient) มีความมั่นใจในตนเอง (Self-Relaint) และมีแบบอย่างเฉพาะตัว (Individualistic) 
3. มีอำนาจในการตัดสินใจด้วยปัญญา (Intellectual Ascendency) ประกอบด้วยการปกป้องความเชื่อของตนเอง (Defends own Beliefs) และการยืนยันความตั้งใจ (Willing to take a stand) 
4. มีเลือดนักสู้ (Physical Boldness) ประกอบด้วย มีความเป็นนักกีฬา (Athletic) และชอบการแข่งขัน (Competitive) 
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นหญิง มี 3 องค์ประกอบคือ 
1. มีความผูกพันกับครองครัว (Nurturant Affiliation) ประกอบด้วย มีความนุ่มนวล (Tender) เมตตากรุณา (Compassionate) ให้ความอบอุ่น (Warm) สุภาพอ่อนโยน (Gentle) เห็นอกเห็นใจ (Sympathetic) แสดงความรักใคร่ (Affectionate) มีความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ (Understanding) และอ่อนไหวต่อความต้องการต่าง ๆ (Sensitive to the needs of others) 
2. ตามใจตนเอง (Self-Subordination) ประกอบด้วยมีความรักเด็ก (Child Like) เชื่อคนง่าย (Gullible) และชอบการประจบประแจง (Flatherable) 
3. ความสนใจตนเอง (Introvation) ประกอบด้วย การพูดจานุ่มนวล (Solf Spoken) และขี้อาย (Shy) 
นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์องค์ประกอบของแบบทดสอบ Personality Research Form (PRE ANDRO) ได้องค์ประกอบของลักษณะความเป็นชายและความเป็นหญิงใน 6 องค์ประกอบ ดังนี้ 
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นชาย 4 องค์ประกอบคือ 
1. มีอำนาจในสังคมและการตัดสินใจด้วยปัญญา (Social Intellectual Ascendency) 
2. มีความเป็นอิสระ (Autonomy) 
3. การปรับทิศทางต่ออันตราย (Orientation Toward Risk) 
4. มีแบบอย่างเฉพาะตัว (Individualism) 
องค์ประกอบของลักษณะความเป็นหญิงมี 2 องค์ประกอบ คือ 
1. มีความปกป้องทนุถนอม (Nurturance) 
2. มีความผูกพันรักใคร่และชอบตามใจตนเอง (Affiliative Conceress and Self Subordination) 





ข้อมูลจากเวบนี้


โดย:
งาน: งานนโยบายและแผน
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: ปรีชา อรุณสวัสดิ์. (2531). การสร้างแบบทดสอบวัดบุคลิกภาพความเป็นชายและความเป็นหญิงสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. กรุงเทพฯ : ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 7

อ่าน 0 ครั้ง