|
|
แนวคิดของอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการติดตั้งเครื่องจำหน่ายถุงยางอนามัยอัตโนมัติตามสถานศึกษาต่างๆ เพื่อรณรงค์ให้นักเรียน นักศึกษา เห็นความสำคัญของการใช้ถุงยางอนามัย ในการป้องกันโรคเอดส์ แม้อาจจะมีเหตุผลเนื่องมาจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย มากกว่าร้อยละ 83 ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และแนวโน้มผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ แต่นับเป็นนัยสำคัญที่ไม่อาจยอมรับได้เลยว่า เป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์อย่างถูกต้องเหมาะสม จากรายงานสถานการณ์โรคเอดส์ทั่วโลก ล่าสุดพบว่ามีผู้ติดเชื้อเอดส์ประมาณ 42 ล้านคน มีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์แล้วประมาณ 18 ล้านคน และพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณปีละ 5 ล้านคน สำหรับสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย มีแนวโน้มลดลงจากปีละ 140,000 ราย ในช่วงปี 2530 เหลือ 21,000 รายในปีที่ผ่านมา และจากรายงานล่าสุดพบว่า มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 600,000 ราย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ วัยรุ่นติดเชื้อเอดส์มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของเพศหญิงที่มีอัตราติดเชื้อมากพอๆ กับเพศชายแล้วในวันนี้ ข้อเท็จจริงจากตัวเลขข้างต้น เป็นเหตุเป็นผลทำให้กรมควบคุมโรคจำเป็นต้องดิ้นรนหาทางแก้ไข และป้องกันมิให้อัตราการเจริญเติบโตในส่วนของโรคร้ายนี้เพิ่มสูงขึ้น ตามภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการติดตู้ขายถุงยางในสถานศึกษา ถือเป็นรูปแบบที่สังคมจำเป็นต้องร่วมกันคัดค้านต่อต้าน ซึ่งไม่เพียงเพราะแนวทางดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายทาง และเป็นการเกาไม่ถูกที่คันเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ปัญหาที่สุ่มเสี่ยง ซึ่งอาจจะกลับกลายเป็นสร้างกระแสวัฒนธรรมการมีเพศสัมพันธ์แบบเสรีหรือฟรีเซ็กซ์ได้ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม ตลอดจนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ล้วนพยายามหาหนทางและเครื่องมือเพื่อป้องกัน และแก้ไขความเบี่ยงเบนของสังคมไทย ซึ่งมีแนวโน้มเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกในหลายๆ ประการ โดยเฉพาะวิถีชีวิตของเด็กวัยรุ่นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นเกาะอก สายเดี่ยว การเจาะลิ้น การสักตัว จนถึงการอยู่กินกันโดยเสรีของหนุ่มสาวทั้งๆ ที่อยู่ในวัยเรียน หากสถาบันการศึกษาอนุญาตให้มีการตั้งเครื่องขายถุงยางอนามัยแบบเกลื่อนกลาด ความพยายามทั้งหลายตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งมีการทุ่มเทงบประมาณไปมากมาย ย่อมไร้ประโยชน์โดยปริยาย เพราะยิ่งจะเป็นการสร้างค่านิยมให้เด็กไทยเห็นว่า เรื่องมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่จำเป็นต้องกังวลหรือเกรงใจใครอีกต่อไป ขอเพียงแต่รู้จักระมัดระวังป้องกันด้วยถุงยางเท่านั้น การเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม ขอยืนยันว่าไม่ใช่หมายถึงคนไทยต้องจำนนกับข้อเท็จจริง แล้วเดินถลำเข้าไป แต่สมควรที่ทุกฝ่ายจะร่วมกันใช้สติปัญญาหาทางออกที่ดีที่สุด โดยให้การศึกษากับกลุ่มผู้สุ่มเสี่ยงต่อโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง มากกว่าที่จะแก้ปัญหาด้วยการส่งเสริมให้มีกิจกรรมทางเพศ โดยอำนวยความสะดวกขายถุงยางทุกแห่งแบบไม่เลือกสถานที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษาคือแหล่งความรู้ และสมควรต้องเป็นศูนย์รวมแห่งปัญญา จึงไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะนำเอาสินค้าส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์ไปตั้งจำหน่าย โดยไม่สนใจต่อความศักดิ์สิทธิ์และเจตนารมณ์ของการตั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
โดย: งาน: งานนโยบายและแผน อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: ไทยโพสต์ ฉบับที่ 2589 [หน้าที่ 2 ] ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2546 |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |