|
|
ในหลวงไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ''ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู'' ตามที่รัฐสภาทูลเกล้าฯ เผย ''ทักษิณ'' เร่งดันเข้าประชุมสภาด่วน ประชาธิปัตย์จี้นายกฯ รับผิดชอบ ส่วนไทยรักไทยปัดเป็นความผิดรัฐบาล ''สิริกร'' ชี้ระหว่างแก้ไขให้ใช้ พ.ร.บ.ครูเดิมปี 2523 ไปก่อน จากการที่สภาผู้แทนราษฎรได้ทูลเกล้าฯ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการครู เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพิจารณาโปรดเกล้าฯ ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พ.ย. มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทางสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับหนังสือจากราชเลขาธิการฯ แจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบ จึงได้ทำหนังสือด่วนถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้บรรจุวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูเข้าสู่การประชุมในสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเร่งด่วน ในวันที่ 26 พ.ย. อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ใจว่า ส.ส.จะเห็นด้วยหรือไม่ และถึงแม้สภาผู้แทนราษฎรจะรับร่างก็คงไม่ทันสมัยการประชุมนี้ นอกจากนี้การบรรจุระเบียบวาระเข้าสู่ที่ประชุมนั้นต้องส่งร่าง พ.ร.บ.ก่อน 3 วัน รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ทางสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้เห็นชอบตามที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ โดยคว่ำร่างที่วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่วมกัน และร่างดังกล่าวก็ไม่มีบัญชีเงินเดือนแนบท้าย ''สิริกร'' ใช้ พ.ร.บ.ครู 2523 หากร่างใหม่วืด นางสิริกร มณีรินทร์ รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงแนวทางการดำเนินการ หากร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่มีผลบังคับใช้ ศธ.ก็ได้เตรียมยกร่างกฎคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ไว้จำนวน 22 ฉบับ ซึ่งสามารถขอมติใช้จากที่ประชุม ก.ค.ศ. ซึ่งมีตนเป็นประธานได้ จากนั้นให้ตั้งคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.) ใน 175 เขต ตั้งประธาน ก.ค.ศ.ระดับชาติขึ้นมาตามร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ เพื่อไม่ให้การบริหารงานแบบใหม่คือ เขตพื้นที่การศึกษาไม่ชะงัก เนื่องจากตำแหน่งผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษานั้นเป็นตำแหน่งรักษาการ ตั้งแต่กระทรวงศึกษาธิการ เข้าสู่โครงสร้างการบริหารงานใหม่ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา นางสิริกร กล่าวอีกว่า ในขั้นตอนต่อไปจะนำร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ มาแก้ไขให้สมบูรณ์ หากเกิดจากความผิดพลาดทางด้านธุรการ ก็จะได้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ นิติกร สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาก็ตาม ที่ต่อไปต้องทำความเข้าใจกันและมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้น “ระหว่างการปรับแก้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้สมบูรณ์ เราก็จะใช้กฎหมายฉบับเดิม คือ พ.ร.บ.ครู พ.ศ.2523 แต่เนื่องจากมีกรมและบุคคลบางส่วนหมดสถานภาพ ฉะนั้นเราได้เตรียมการออกกฎ ก.ค.ว่าด้วยการกำหนดตำแหน่ง ผอ.สพท. รอง ผอ.สพท. กลุ่มเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษา อาทิ ศึกษาธิการจังหวัด เป็นต้น เพื่อให้ลงตำแหน่งได้โดยไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะตำแหน่ง ผอ.สพท.จะกำหนดตำแหน่งเป็น ระดับ 8/9” นางสิริกร กล่าวและว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนเงินประจำตำแหน่งและเงินวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก็ได้บรรจุวาระการประชุมสภาแล้ว ทั้งหมดนี้ ศธ.และฝ่ายบริหารได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว สามารถนำเข้าที่ประชุม ก.ค.และ ครม.เห็นชอบได้เลย ฝ่ายค้านจี้นายกฯ รับผิดชอบร่าง พ.ร.บ.ครู นายสนั่น สุธากุล ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่วมร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู กล่าวว่า ถือเป็นความล้มเหลวและความผิดพลาดของรัฐบาลที่ใช้เสียงข้างมากในการคว่ำร่างของกรรมาธิการร่วม 2 สภา แต่กลับมารับร่างของสภาที่ไม่มีบัญชีแนบท้ายเงินเดือน และไม่มีการแก้ไขข้อผิดพลาดอีกหลายจุด ทำให้ระบบการปฏิรูปการศึกษาไม่สามารถเดินต่อไปได้ แทนที่จะออกฎหมายทีเดียว จะได้มีผลบังคับใช้พร้อมกัน แต่กลับไปออกกฎหมายแยกส่วน นายสนั่น กล่าวว่า การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีน้อยมาก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งรัฐบาลควรออกมายอมรับผิด ไม่ใช่มัวแต่เล่นการเมือง ใช้เสียงข้างมาก อย่าถือดี คิดว่าตัวเองเก่ง ทั้งที่กฎหมายที่ออกมาเป็นกฎหมายที่พิกลพิการ นายสนั่น กล่าวอีกว่า ในวันที่ 26 พ.ย.จะมีการพิจารณารับรองร่างฉบับดังกล่าว โดยจะเป็นการประชุม 2 สภา ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 เพื่อรับรองร่างดังกล่าว ซึ่งฝ่ายค้านก็คงไม่เห็นชอบกับร่างนี้ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เห็นชอบ แล้วฝ่ายค้านจะเห็นชอบได้อย่างไร ''ผมขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะถือว่าทำให้กฎหมายการปฏิรูปการศึกษาเสียทั้งระบบ รวมถึงนางสิริกร มณีรินทร์ รมช.ศึกษาธิการ ก็ต้องออกมารับผิดชอบด้วย ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมวิสามัญฯ พิจารณา แต่ในที่ประชุมกลับไม่ได้ทักท้วงในเรื่องของบัญชีแนบท้าย แต่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาก็กลับไม่เห็นด้วยที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณาและแก้ไข ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง'' นายสนั่น กล่าว ทรท.ระบุสภาฯ-วุฒิสภาต้องรับผิดชอบ ขณะที่แหล่งข่าวในพรรคไทยรักไทย เปิดเผยถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู ว่าในวันที่ 26 พ.ย.จะมีการประชุมวิปรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ คงจะปล่อยให้ตกไป เพราะรัฐบาลสามารถเสนอกฎหมายใหม่ได้ แต่ยอมรับว่า ในข้อกฎหมายมีบางข้อที่ขัดกันอยู่ และเรื่องนี้รัฐบาลไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไร เพราะถือว่า รัฐบาลเป็นเพียงผู้เสนอร่างเข้าสู่รัฐสภา แต่ผู้ที่ให้ความเห็นชอบมาจากสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ดังนั้นทั้งสอง 2 สภาต้องร่วมกันรับผิดชอบ รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีบางประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและเงินวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ขณะนี้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว และอยู่ระหว่างรอการเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะประเด็นการกำหนดตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูกำหนดตำแหน่งครูมีวิทยฐานะครู ครูชำนาญการ ครูเชี่ยวชาญ และครูเชี่ยวชาญพิเศษ ในขณะที่ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ มีเพิ่มอีกตำแหน่ง คือ ครูชำนาญการพิเศษ เป็นต้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ระบุในมาตรา 93 และ 94 ว่า ร่าง พ.ร.บ.หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับร่าง พ.ร.บ.หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้นจากรัฐสภา เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับเป็นกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญใดพระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยและพระราชทานคืนมายังรัฐสภา หรือเมื่อพ้น 90 วันแล้ว มิได้พระราชทานคืนมา รัฐสภาจะต้องปรึกษาร่าง พ.ร.บ.หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้นใหม่ ถ้ารัฐสภามีมติยืนยันตามเดิม ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภาแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนำร่าง พ.ร.บ.หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระมหากษัตริย์มิได้ทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชทานคืนมาภายใน 30 วัน ให้นายกฯ นำ พ.ร.บ.หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนั้นประกาศในราชกิจจานุเบกษาใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ เสมือนหนึ่งว่าพระมหากษัตริย์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ''กร'' ซบไทยรักไทยอย่างเป็นทางการ วันเดียวกัน ที่อาคารชินวัตร 3 นายกร ทัพพะรังสี อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ได้เดินทางไปที่พรรคไทยรักไทย อาคารชินวัตร 3 เป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย โดยมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ และนายสุธรรม แสงประทุม รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พร้อมด้วย ส.ส.เก่าพรรคชาติพัฒนา อาทิ นายโสภณ เพชรสว่าง นายสุนัย จุลพงศธร ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี และ นายพงศกร อรรณพพร มาคอยให้การต้อนรับ นอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านจาก จ.นครราชสีมา ประมาณ 500 คน ถือป้ายให้กำลังใจ “ชาวโคราชทุกอำเภอขอสนับสนุนนายกร ทัพพะรังสี” ที่หน้าอาคารชินวัตร พร้อมมอบดอกกุหลาบสีชมพูให้กับนายกร จากนั้น นายกรได้ขึ้นไปยังชั้น 9 ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมพรรค โดยมีนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย กล่าวต้อนรับว่า ไม่คาดคิดว่าจะได้น้องที่อยู่ซอยราชครูมา 20 ปี และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคชาติไทยและพรรคชาติพัฒนา จะทิ้งพรรคชาติพัฒนามาอยู่กับพรรคไทยรักไทย เรื่องนี้บ่งบอกว่า คนระดับ “กร ทัพพะรังสี” ที่ได้ตัดสินใจครั้งนี้ ถ้ามองในสังคมก็ถือว่าเป็นลบ แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง คนระดับนายกร ซึ่งเป็นนักเรียนนอก คร่ำหวอดทางการเมือง และเป็นคนที่ทำให้นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ถึง 2 ครั้ง มองอนาคตแล้วว่า ประเทศไทยจะไปอย่างไร ได้รับการบริหารจากใคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายเสนาะกล่าวมาถึงช่วงนี้ นายสมชาย สุนทรวัฒน์ ส.ส.สระบุรี และประธาน ส.ส.ซึ่งเป็นประธานการประชุมพรรค ได้กล่าวตัดบทว่า เพื่อให้นายกรได้เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยสมบูรณ์แบบ จะมอบบัตรสมาชิกพรรคหมายเลขที่ 007 และเสื้อแจ็คเก็ตสีแดงให้ ซึ่งปรากฏว่า เสื้อแจ็คเก็ตที่เตรียมเอาไว้ให้นายกรซิปเสีย ต้องเอาตัวใหม่มาเปลี่ยนให้ และเมื่อนายเสนาะติดบัตรสมาชิกให้นายกรที่หน้าอก บัตรก็หลุดลงมา ทั้งนี้ในระหว่างการมอบบัตรสมาชิกและเสื้อแจ็คเก็ต นายเสนาะได้กล่าวแซว ส.ส.พรรคชาติพัฒนา คือ นายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ นายสมศักดิ์ โสมกลาง และ นายพงษ์พิช รุ่งเป้า ที่มาส่งนายกร ว่า มากันหลายคน เอาเสื้อมาตัวเดียวจะพอหรือ และถามนายประชาธิปไตยว่า ลาออกจากพรรคชาติพัฒนาหรือยัง และยังได้กล่าวชวนให้ไปร่วมงานเลี้ยง ส.ส.รัฐบาล เนื่องในโอกาสปิดสมัยประชุมสภา ที่บ้านเมืองทองด้วย หลังจากนายกรก็เดินทางกลับ โดยไม่เข้าร่วมประชุมพรรค และก่อนขึ้นรถกลับได้แวะทักทายกับชาวโคราชที่มาให้กำลังใจว่า “ผมไม่ทิ้งชาวโคราช ชาวโคราชอย่าทิ้งผม” พร้อมกับคุยว่า บัตรสมาชิกหมายเลข 007 ก็เหมือนกับตัวเองที่ “Tomorrow Never Die (พรุ่งนี้ไม่เคยตาย)” ''ทักษิณ'' หวังถ่ายเลือดข้าราชการใหม่ ส่วนโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด รอบที่ 2 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันอีกครั้ง ว่าคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จะเสนอเรื่องการลดจำนวนข้าราชการจำนวน 47,000 คน ในปี 2547 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 2 ธ.ค.2546 โดยได้แบ่งข้าราชการเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ข้าราชการที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีอายุราชการ 25 ปีขึ้นไป เพราะคนเหล่านี้ได้รับบำเหน็จบำนาญอยู่แล้ว 2.ข้าราชการทั่วไป และ 3.ข้าราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยกลุ่มนี้ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้พิจารณา หากสมัครใจออกจะได้รับบำเหน็จบำนาญ แต่ถ้ายังทำงานต่อจะส่งให้ ก.พ.ฝึกอบรม หากฝึกอบรมแล้วมีประสิทธิภาพก็จะได้ทำงานต่อ ถ้ายังเหมือนเดิมก็จะให้ออกโดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า จุดประสงค์ในการลดจำนวนข้าราชการครั้งนี้ เพื่อต้องการถ่ายเทข้าราชการจากภาครัฐไปสู่ภาคอื่นและลดข้าราชการจำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ 2 เนื่องจากภายหลังการปรับโครงสร้างราชการแล้ว บางหน่วยงานมีคนเหลือและบางหน่วยงานไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งนั้น ทั้งนี้เมื่อข้าราชการออกไปแล้ว ก็จะนำอัตรากำลังทั้งหมดมากองรวมกันและพิจารณารับคนรุ่นใหม่หรือเด็กที่เพิ่งจบการศึกษา เพื่อเป็นการหมุนเวียนกำลังพล ''ปกติภาคเอกชนจะเอาคนออกจากงานในช่วงเศรษฐกิจขาลง แต่สำหรับภาครัฐเอาคนออกจากงานในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น เพื่อให้กำลังคนภาครัฐไปช่วยงานด้านอื่น และขณะนี้ภาคเอกชนก็ขาดแคลนกำลังคน นอกจากนั้นรัฐบาลยังต้องการผู้ประกอบการใหม่ หากข้าราชการมีหัวค้าขาย รู้กลไก น่าจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีได้ โดยสามารถรับการฝึกอบรมได้จากธนาคารเอสเอ็มอี ซึ่งรัฐบาลจะให้การส่งเสริมให้คนเหล่านี้เป็นผู้ประกอบการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ปัจจุบันมีองค์กรท้องถิ่นเกิดขึ้นจำนวนมาก หากคนของภาครัฐไปสมัครในองค์กรท้องถิ่นก็จะมีประโยชน์ เพราะองค์กรท้องถิ่นจะได้คนที่มีความรู้และรู้กลไกการทำงานดีกว่าได้คนที่เป็นเจ้าพ่อเข้าไปทำงาน มั่นใจป้องกัน ขรก.ดีลาออก ส่วนจะป้องกันไม่ให้ข้าราชการที่มีความรู้เฉพาะด้านลาออกได้อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการนี้จะต้องได้รับความเห็นพ้องของสองฝ่าย คือทั้งข้าราชการและภาครัฐ โดยมีผู้บังคับบัญชากลั่นกรอง แต่ยอมรับว่า คงจะต้องมีข้าราชการดีๆ ออกไปบ้าง คงไม่มาก เพราะข้าราชการคนไหนเก่งและดี ก็จะไม่ให้ออก ปัญหาสมองไหลที่เคยเกิดจากโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในครั้งแรกนั้น เนื่องจากเป็นการทำอย่างหยาบๆ ที่ใครต้องการออกก็ออกได้ จึงมีคน 2 ประเภทที่ออกไป คือ คนที่มีทางไปกับคนเป็นหนี้ แต่กฎเกณฑ์ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน ที่เอาคนออกในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้เกิดปัญหา เชื่อว่าครั้งนี้จะไม่เกิดปัญหาสมองไหล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากแต่ละหน่วยงานจัดโครงสร้างและบริหารจัดการที่ดี คิดว่าโดยเฉลี่ยน่าจะมีข้าราชการออกประมาณ 10% ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในส่วนนี้จะรวมทั้งทหาร ตำรวจ และครู ส่วนเงินจูงใจให้ข้าราชการออก จำนวน 7-8 เดือน น้อยเกินไปหรือไม่นั้น เรื่องนี้ข้าราชการมีบำเหน็จบำนาญอยู่แล้ว และในการพิจารณาเงินจูงใจจะไม่รวมเงินประจำตำแหน่ง เงินจูงใจให้ออกไม่ได้หมายความว่า จะเป็นการผลักไส เพราะคนส่วนใหญ่ที่จะมาสมัครต้องคิดว่าตัวเองมีทางไป “งบประมาณที่จะใช้ในโครงการนี้ตั้งไว้ 13,000-14,000 ล้านบาท โดยจะใช้งบประมาณกลางปี ที่จะตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ และจะมีผลในวันที่ 1 เมษายน 2547 ผมคาดว่าจะมีข้าราชการออกครึ่งหนึ่ง จากที่ตั้งเป้าไว้จำนวน 47,000 คน และโครงการนี้ไม่รวมรัฐวิสาหกิจ เพราะแต่ละแห่งมีวิธีการดำเนินงานของตัวเอง วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก วิธีคิดถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงการถ่ายเทคนภายในองค์กร ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนา และท้ายที่สุด ข้าราชการจะต้องลดจำนวน แต่ยังบอกตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ พูดได้หยาบๆ ว่า ถ้าลดได้ 10% ก็ไม่เดือดร้อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว นายกฯ ตั้งเป้าเจาะฐานเสียง 20 ส.ส.ใต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการประชุมคัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ว่า ขณะนี้คงเปิดเผยไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาและวางยุทธศาสตร์ที่ดี แต่ตั้งเป้าไว้ว่าในภาคใต้จะได้ ส.ส. 20 คน เพราะมั่นใจในนโยบายรัฐบาล ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์จะชูความเป็นคนใต้นั้น ก็ไม่มีอะไร เพราะอย่าลืมว่าหัวหน้าพรรคไทยรักไทยชื่อ ทักษิณ สำหรับผู้สมัคร ส.ส.ในเขตภาคใต้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า จะเลือกคนที่ชาวบ้านรับได้เพราะชาวบ้านโดยรวมเขารับนโยบายของรัฐบาลได้อยู่แล้ว ที่สำคัญคือ การเลือกคนต้องเป็นที่ใช้ได้ เมื่อถามว่าในสัปดาห์หน้า พรรคไทยรักไทยจะสามารถวางตัวผู้สมัครและประกาศตัวได้ครบหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเปิดเฉพาะภายในคือ ให้ ส.ส.ของพรรคเป็นหลัก ส่วนคนภายนอกเราจะทยอยเปิดตัว ส่วนการดึงดาราเข้ามาเป็นผู้สมัครนั้นก็คงมีไม่มาก เพราะในพรรคมีดาราของเราเองอยู่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่งให้นายกร ทัพพะรังสี หลังสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยว่า คงไม่มี ตำแหน่งอะไรรองรับ เพราะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารของพรรคก่อน การจะมีตำแหน่งอะไรต้องมีระบบจากการประชุมใหญ่ของพรรคก่อน แต่ตอนนี้แค่เข้ามาเป็นสมาชิกก่อน ส่วนจะมีสมาชิกพรรคชาติพัฒนาคนอื่นจะตามนายกร มาด้วยหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เท่าที่ตนได้เซ็นรับรองการสมัครเป็นสมาชิกก็เห็นแค่นายกรเพียงคนเดียว ทั้งนี้ยอมรับว่า ในวันนี้มีคนสมัครเป็นสมาชิกพรรคจำนวนมาก มีทั้งอดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคการเมืองอื่น แต่เราจะพิจารณาเลือกเป็นคนๆ ไป และมั่นใจว่าเลือกเป็น |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
โดย: งาน: งานนโยบายและแผน อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: คมชัดลึก ฉบับที่ 772 [หน้าที่ 1 ] ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2546 |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |