![]() |
|
|
นักศึกษาพระนครเหนือร้องอธิการฯ ขู่พักการเรียนหากไม่หยุดเคลื่อนไหวค้านออกนอกระบบ ยึดป้ายรถเมล์หน้าสถาบันแถลงข่าว 17.00 น. วันนี้ ระบุเหตุผลผู้บริหารไม่ให้ใช้สถานที่ ด้าน “อธิการบดี” แจงไม่ได้ขู่แค่แจ้งระเบียบให้นักศึกษาทราบและปฏิบัติตาม และเกรงเสียงไฮด์ปาร์กรบกวนการเรียนการสอน เผยขอออกนอกระบบเพราะพนักงานมหาวิทยาลัยมีมากกว่าข้าราชการ โดยไม่มีระบบสวัสดิการรองรับ สร้างปัญหาอาจารย์ลาออกจำนวนมาก
นายภัทรดนัย จงเกื้อ นักศึกษาคณะวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ปีที่ 2 ในฐานะเลขาธิการองค์การนิสิตนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนร่วมกับเพื่อนนักศึกษา 4 สถาบัน เคลื่อนไหวคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ และยื่นหนังสือต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จาก ศ.ดร.ธีรวุฒิ บุญโสภณ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (สจพ.) ว่าให้หยุดการเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะถูกพักการเรียน 1 ปี เนื่องจากทำให้สถาบันเสื่อมเสียชื่อเสียง และวางหูไป จากนั้นรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาได้มาขอให้หยุดการเคลื่อนไหวภายในสถาบัน ตนจึงได้ถามไปว่าที่อธิการบดีพูดเช่นนั้น เป็นการกดดันให้ตนลาออกจากสถาบันใช่หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าการให้ออกจากสถาบันเป็นมาตรการต่อไป แต่ในเบื้องต้นจะต้องถูกพักการเรียนก่อน 1 ปี หากไม่หยุดเคลื่อนไหว นายภัทรดนัย กล่าวอีกว่า ในวันนี้ (8 ธ.ค.) ตนพร้อมด้วยเพื่อนนักศึกษาใน สจพ.ที่ไม่เห็นด้วยกับการออกนอกระบบจะรวมตัวกันที่บริเวณสวนปาล์ม สจพ.ในเวลา 16.30 น. เพื่อไฮด์ปาร์กให้ข้อมูลกับเพื่อนนักศึกษา และจะเดินขบวนคัดค้านการออกนอกระบบภายในสถาบัน จากนั้นในเวลา 17.00 น.จะแถลงข่าวที่บริเวณป้ายรถโดยสารประจำทางหน้า สจพ. เนื่องจากผู้บริหารไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ในสถาบันในการเคลื่อนไหว รวมถึงตนได้ขอให้นักกฎหมายช่วยพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนืออย่างละเอียดว่ามีประเด็นใดบ้างที่ส่งผลกระทบต่อนักศึกษา และอยากให้ชะลอร่าง พ.ร.บ.สจพ.ออกไปก่อน เพราะกฎหมายดังกล่าวนักศึกษาไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก ด้าน ศ.ดร.ธีรวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ได้โทรศัพท์ไปหานายภัทรดนัย แต่นายภัทรดนัยเป็นผู้โทรศัพท์มาหาตนเอง โดยแจ้งว่าจะขอใช้สถานที่เพื่อเคลื่อนไหวคัดค้านการออกนอกระบบ ตนจึงบอกว่าการจะใช้สถานที่ภายในสถาบันต้องทำหนังสือขออนุญาต เพราะเป็นระเบียบและขั้นตอนของ สจพ.ที่กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งในระเบียบดังกล่าวได้ระบุไว้ด้วยว่าหากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษพักการเรียนเป็นเวลา 1 ปี ตนก็ได้แจ้งให้นักศึกษาทราบ ไม่ใช่การข่มขู่ ที่สำคัญสถานที่ที่นายภัทรดนัยขอใช้ในการเคลื่อนไหวนั้น อยู่ติดกับอาคารเรียนที่มีการเรียนการสอน ตนเกรงว่าหากมีการใช้เครื่องเสียงไฮด์ปาร์กก็จะส่งเสียงรบกวนการเรียนการสอนของอาจารย์และนักศึกษาคนอื่นจึงได้ห้ามปรามไว้ ซึ่งหลังจากวางสายจากนายภัทรดนัยได้ขอให้รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาไปพูดคุยถึงกฎระเบียบที่นักศึกษาต้องปฏิบัติตาม “ผมไม่ได้ข่มขู่ แต่ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบปกติของทางสถาบันที่กำหนดไว้ว่าการเคลื่อนไหว หรือดำเนินการใดๆ ของนักศึกษาจะต้องไม่สร้างความแตกแยก หรือแตกความสามัคคีกัน ซึ่งหากนักศึกษายืนยันว่าจะเคลื่อนไหวก็ต้องออกไปทำข้างนอกสถาบัน และต้องไม่รบกวนการเรียนการสอน จึงอยากให้นักศึกษารู้จักใช้เหตุและผลด้วย หรือหากจะมาเคลื่อนไหวในสถาบันช่วงวันหยุดที่ไม่มีการเรียนการสอนก็สามารถกระทำได้ทั้งนี้ผมกำลังจับตามองนายภัทรดนัย หากเตือนแล้วยังไม่ฟัง ก็จะเชิญผู้ปกครองมาพูดคุย เพราะเราอยากให้เด็กเรียนให้จบ ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมานั่งเสียใจหากเด็กถูกรีไทร์ ซึ่งวันนี้นายภัทรดนัยลงชื่อเรียนภาคปฏิบัติสาขาเทคโนโลยีเครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ แต่ผมไปสังเกตการณ์ดูครึ่งเช้า พบว่านายภัทรดนัยไม่ได้ไปเรียนเลย คงต้องเรียกมาตักเตือนว่าอย่าลงชื่อโดยไม่เข้าเรียนจริงเพราะจะเป็นการสร้างนิสัยความไม่ซื่อสัตย์ และตามระเบียบถ้าไม่ได้มาเรียน 3 ครั้งก็จะถูกตัดสิทธิ์สอบ ทั้งนี้กลุ่มที่คัดค้านเรื่องนี้เป็นกลุ่มเดิมของปีที่แล้วซึ่งก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่จะคัดค้าน เพียงแต่ผมไม่อยากให้ดึงนักศึกษามาเป็นเครื่องมือ และที่นักศึกษาคัดค้านนั้น ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาชั้นปี 1 ที่ไปฟังคนอื่นให้ข้อมูลผิดว่าสจพ.จะขึ้นค่าเล่าเรียนหลังจากออกนอกระบบราชการ ทั้งที่ผมยืนยันแล้วว่าจะไม่มีขึ้นค่าเล่าเรียนอย่างน้อยก็ 6-7 ปีจากนี้ และในร่างพ.ร.บ.สจพ.เองก็ไม่มีเรื่องนี้ด้วย ตรงกันข้ามจะดูแลนักศึกษาที่ยากจนจนกว่าจบการศึกษา ซึ่งผมก็ได้ให้ร่างพ.ร.บ.สจพ.กับนายภัทรดนัยไปดูแล้ว และสจพ.คงจะไม่ทำประชาพิจารณ์อีกพราะทำมาหลายรอบแล้ว ” ศ.ดร.ธีรวุฒิกล่าว อธิการบดี สจพ.กล่าวอีกว่า สำหรับ สจพ.ที่ต้องการให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.สจพ. เนื่องจาก สจพ.มีพนักงานมหาวิทยาลัยจำนวน 431 คน มีอัตรากำลังข้าราชการอาจารย์ 40 คน ซึ่งมีพนักงานมหาวิทยาลัยเยอะกว่ามาก แต่บุคลากรเหล่านี้ไม่มีสวัสดิการรองรับ สิทธิการรักษาพยาบาลต้องใช้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลของบุพการีได้ นอกจากนี้ที่ผ่านมาทางสถาบันยังประสบปัญหาอาจารย์ลาออกไปทำงานในองค์กรเอกชน เนื่องจากอาจารย์ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนทุน เมื่อใช้ทุนหมดก็ลาออกไปเพราะเห็นว่าไม่มีความก้าวหน้า หาก พ.ร.บ.สจพ.มีผลบังคับใช้ก็จะมีระบบสวัสดิการต่างๆ รองรับ และบุคลากรก็จะมีความมั่นคงมากขึ้นด้วย |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
โดย: งาน: งานบุคลากร อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ 8 ธันวาคม 2549 15:31 น. |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
![]() |
![]() |