![]() |
|
|
กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด
การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม นี่คือคำกลอนของ มล.ปิ่น มาลากุล ที่สะท้อนภาพให้เห็นถึงงานการจัดการศึกษาและสภาพชีวิตของครูที่ตรงกับความเป็นจริงที่สุด ซึ่งลูกศิษย์ทุกคนต่างระลึกถึงพระคุณของครูอย่างไม่เสื่อมคลาย เนื่องในวันครู 16 ม.ค.นี้ คุรุสภาได้ยกย่องครู 4 คนให้รับรางวัลคุรุสภาหรือรางวัลครูดีเด่น ประจำปี 2549 จำนวน 4 คนด้วยกัน โดยประกาศเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกว่าที่ทั้ง 4 คนจะได้รับรางวัลนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย “รัชดาภรณ์ ศรีพฤกษชาติ” ครูดีเด่นจากวิทยาลัยช่างศิลป เล่าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปีของการเป็นครูได้ตั้งใจถ่ายทอดความรู้ให้แก่ลูกศิษย์ทุกคนเต็มที่ โดยให้ความรักและเมตตานักเรียนเสมือนหนึ่งเด็กเป็นสมาชิกของครอบครัว เด็กคนไหนมีปัญหาสามารถเดินมาปรึกษาได้ตลอดเวลา เนื่องจากในหนึ่งวันเด็กบางคนใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนมากกว่าอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งหากครูต้องการบ่มเพาะให้เด็กเป็นคนดีก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแล้วคอยช่วยเหลือ และพร้อมชี้ทางสว่างให้เขาเพื่อไม่ให้ไปเกลือกกลั้วอบายมุข สำหรับผลงานที่โดดเด่นของครูรัชดาภรณ์คือกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ออกแบบและจัดทำสื่อการเรียนการสอนวิชาการตกแต่งภายใน มีทั้งรูปแบบบรรยาย และสาธิต อีกทั้งจัดทำหนังสือประกอบชุดวิชาศิลปะเผยแพร่แก่ผู้สอนและผู้เรียนนำไปใช้ในการประกอบการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังได้นำความรู้ด้านศิลปะมาอบรมเยาวชนเพื่อเอาชนะยาเสพติด ฯลฯ ด้าน นิพนธ์ ศรีนฤมล ครูโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กทม. อีกผู้หนึ่งที่ได้รับรางครูดีเด่นบอกว่า เป็นครูสอนวิชาชีววิทยาที่เด็กหลายคนจะบอกว่า “หิน” ดังนั้น วิธีการสอนเพื่อให้เด็กเข้าใจวิชานี้อย่างลึกซึ้งก็จะให้เรียนผ่านโครงงานต่างๆ จะไม่เรียนทฤษฎีเพียงอย่างเดียว รวมทั้งเวลาสอนจะใช้วิธีการพูดคุยซักถาม พร้อมให้เด็กเรียนรู้เรื่องใกล้ๆ ตัว เพราะจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น “สไตล์การสอนของผมจะไม่ป้อนความรู้ให้เด็กมากนัก จะเน้นกระตุ้นตั้งคำถาม ให้เด็กแสดงความคิดเห็น ทดลอง หรือเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว เรียนรู้กระบวนการคิดเพื่อให้ความรู้ตกผนึก วิธีนี้เด็กจะจดจำได้ตลอดชีวิต ไม่มีวันลืม และผมมั่นใจความรู้ของลูกศิษย์ว่ามีความรู้ไม่ด้อยกว่าต่างชาติ” ขณะที่คุณครูคนที่ 3 คือประนอม ทวีกาญจน์ จาก ร.ร.พระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน กทม.บอกว่า รางวัลที่ได้ไม่ได้เกิดเพราะตนเพียงคนเดียว แต่เกิดเพราะได้รับความสนับสนุนจากผู้ปกครอง ชุมชน และครูในโรงเรียนทุกคน “การเป็นครูนั้นเราต้องรักงานที่เราทำก่อน เมื่อเรารักงานที่เราทำเราก็จะทำงานได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาชีวิตของผู้อื่นให้มีคุณภาพตามไปด้วย และไม่เพียงแต่จะจัดการศึกษาให้กับนักเรียนในโรงเรียนเท่านั้น คนในชุมชนก็สามารถที่จะเข้ามาใช้บริการแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียนของเราได้ด้วย” ประนอมบอกด้วยว่า นอกจากครูจะต้องรักงานที่ทำแล้ว ครูต้องมองลูกศิษย์ให้เหมือนเป็นลูกหลานของตนเอง เพราะเมื่อรู้สึกเช่นนั้นก็จะคาดหวังว่าจะดูแลบุตรหลานของตนเองให้ดีที่สุด มอบความรู้และสิ่งดีๆ ให้กับเขาอย่างเต็มที่ รวมไปถึงให้ความรัก ความเมตตาไม่ต่างไปจากลูกหลาน ที่สำคัญต้องพยายามค้นหาศักยภาพของเด็กแต่ละคนให้พบ เมื่อพบแล้วก็ต้องส่งเสริมให้เขาได้ใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ด้วย ดังนั้น คนที่จะมาเป็นครูต้องยอมเสียสละและทุ่มเททำงานอย่างเต็มความสามารถ “อยากฝากถึงครูรุ่นใหม่ที่เพิ่งศึกษาจบว่า อาชีพครูนั้นเป็นอาชีพที่มีเกียรติ แต่การจะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับเกียรตินั้น ขึ้นอยู่กับตัวเรา เราต้องทำงานของเราด้วยความตั้งใจ เต็มกำลังความสามารถ แล้วสังคมก็จะให้เกียรติและนับถือเราเอง” ในฐานะผู้บริหาร ประนอมบอกด้วยว่า สำหรับครูในโรงเรียนทุกคนนั้น ถือเป็นหุ้นส่วนที่ต้องช่วยกันพัฒนาโรงเรียน และผู้บริหารต้องสนับสนุนให้บุคลากรมีการพัฒนาไปทุกๆ ส่วนอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยสิ่งที่ตนคิดอยู่เสมอคือ “ครูคือหุ้นส่วน ชุมชนคือเพื่อนบ้าน นักเรียนคือลูกหลาน” ด้าน รัตน์จณี ศิริบพิตร โรงเรียนนิมมานรดี เขตภาษีเจริญ กทม. ซึ่งได้รับรางวัลคุรุสภา สาขาครูผู้สอน กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งที่ทุ่มเทมาตลอดชีวิตการทำหน้าที่ครูเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นครูในโรงเรียนเอกชน หรือเข้ามาเป็นข้าราชการครูได้พยายามทำงานด้วยความตั้งใจอย่างเต็มความสามารถ และวันนี้รู้สึกว่าคุ้มค่า หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ครูรัตน์จณีบอกว่า ที่ผ่านพยายามปลูกฝังให้ลูกศิษย์เป็นคนดี เพราะเชื่อว่าครูเป็นผู้ที่จะสร้างให้เยาวชนของชาติเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ คือเป็นทั้งคนดี เป็นคนเก่ง และมีความสุข ซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมาและทำให้มีความสุขมากที่สุด คือการได้เห็นลูกศิษย์นำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดทางการศึกษา สามารถสอบเข้าเรียนต่อในระดับสูงได้ และมีหน้าที่การงานที่ดี “ถึงวันนี้รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่มารับอาชีพครู เพราะได้ใช้วิชาความรู้เพื่ออบรมสั่งสอนนักเรียน และประพฤติปฏิบัติตนสมกับที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา สิ่งสำคัญคือต้องกราบขอบพระคุณครู อาจารย์ทุกท่านที่ได้สั่งสอนและประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ จนทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่อยู่ในใจดิฉันเสมอมา” |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
โดย: งาน: งานบุคลากร อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2550 08:44 น. |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
![]() |
![]() |