[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

ร่างกายกำลังพยายามเตือนคุณ

แก้มแดงเป็นวง
อยู่ ๆ แก้มก็แดงราวกับทารูจสีแดง (ที่ไม่ได้เกิดจากอาการเขินอาย)
ปกติจะเกิดจากสารฮีสตามีนหรือสารเคมีที่ร่างกายผลิตขึ้นมาจากการ
ได้รับอาหารบางอย่างจำนวนมาก อย่างเช่น หอยเชลล์ ช็อกโกเลต
มะเขือเทศ และลูกเบอร์รี่ ถึงแม้ว่าอาหารที่เป็นตัวกระตุ้นนี้จะย่อยไปแล้ว
ฮีสตามีนก็ยังคงอยู่ในระบบ และอาจต้องใช้เวลาถึง 48 ชม.
ในการจือจางลง มันไม่ใช่สัญญาณว่าคุณแพ้อาหาร
เพราะฉะนั้นคุณก็ยังคงอร่อยกับอาหารเหล่านี้ได้
แต่จำกัดขนาดของการกินแต่ละวันเท่านั้น

เส้นเลือดฝอยในตาแตก
คุณอาจจะกินยาแก้อักเสบหรือยาแก้ปวดมากไป
ไม่ว่าจะเป็นแอสไพริน หรือยาแก้ปวดที่มีไอบูโพรเฟน
(อย่างเช่นแอ๊ดวิล) ยาเหล่านี้ออกฤทธิ์ทำให้เลือดบางลง
และลดการอุดตัน ซึ่งทำให้อาการบวมลดลง 
แต่ถ้าคุณกินยาเหล่านี้ทุกวันเป็นเวลาหลายสัปดาห์
เส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ในตาของคุณ ก็อาจจะเปราะบาง
แตกได้ ลดขนาดยาหรือเปลี่ยน
ไปกินยาแก้ปวดที่มีเซตามินโนเฟนแทน
อย่างไทลินนอล ซึ่งไม่มีผลต่อการอุดตัน

ลิ้นสีซีดหรือสีน้ำตาล
ลิ้นที่มีสุขภาพดีควรมีสีชมพูเหมือนหมากฝรั่ง
แต่ถ้ามันมีสีซีดหรือออกโทนน้ำตาลเหมือนอย่างสีเนื้อย่าง
อาจเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจาง ซึ่งเป็นโรคที่พบมาก
โดยเฉพาะในผู้หญิง เพราะว่าร่างกายของคุณ
ผลิตเม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ อีกสองอาการที่ตามมาคือ
เหนื่อยเพลียและไม่ค่อยตื่นตัว กระฉับกระเฉง
โรคโลหิตจางมักเกิดเพราะร่างกายมีระดับธาตุเหล็กในเลือดต่ำ
เพราะฉะนั้นไปให้แพทย์ตรวจซะ ถ้าพบว่าคุณเป็นโรคโลหิตจาง
แพทย์จะสั่งให้คุณกินธาตุเหล็กเสริมทุกวัน
หรือแนะนำให้คุณกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
ตัวอย่างเช่น ผักขมและเนื้อแดง

มีเส้นสีคล้ำบาง ๆ ตามแนวขวางของปลายจมูก
รอยเส้นตามขวางสีน้ำตาลจากปลายจมูกด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง
เป็นผลจากการแพ้สิ่งที่มีอยู่ในอากาศ เมื่อคุณเริ่มรู้สึกคันจมูก
คุณก็จะถูขยี้จมูกโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดรอยย่น ยาแก้แพ้ที่ซื้อได้ทั่วไป
จะช่วยลดอาการแพ้ได้ คุณจะได้ต่อต้านอาการอยากจะเกาขยี้
และให้เวลาเส้นสีคล้ำนั้นจางไป

รอยผื่นแดงเหมือนใยแมงมุมที่หน้าอก
หรือที่เรียกกันว่า หลอดเลือดแมงมุม
อาการนี้เกิดจากระดับเอสโตรเจนที่พุ่งสูง
ทำให้ผนังหลอดเลือดทั่วร่างกายขยาย
เพราะผิวหนังที่หน้าอกคุณบอบบาง
รอยแดงที่พันกันไปมาของเส้นเลือดขยาย
ใต้ผิวหนังจึงเห็นได้ชัดในคนที่ผิวค่อนข้างขาว
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เอสโตรเจนสูงขึ้นก็คือยาาคุมกำเนิด
ควรเปลี่ยนไปใช้สูตรที่ไม่มีเอสโตรเจน หรือมีจำนวนต่ำ
และรอยแดงเหล่านั้นควรจะหายไป

รอยย่นรอบ ๆ ดวงตาและปาก
คุณอาจจะกินอาหารที่มีไขมันและน้ำน้อยไป
เพราะถ้าปราศจากสองตัวนี้ เซลล์ผิวหนังในส่วน
ที่บอบบางมากที่สุดบนผิวหน้าจะหดตัวและแห้ง
ทำให้ผิวดูเหมือนกระดาษย่น รอยเหล่านี้ไม่เหมือนกับ
รอยย่นที่เกิดจากความชรา เพราะรอยย่นนี้จะหาดไปเมื่อกินน้ำ
8 แก้วต่อวัน  และการกินไขมันอิ่มตัวสามมื้อต่อวัน
อย่างปลาแซลมอน ถั่วต่าง ๆ และผลอโวคาโด

รอยฝ้าสีน้ำตาลที่ใบหน้า
โทษไปที่เอสโตเจนที่อยู่ในเม็ดยาคุมกำเนิดได้เลยสำหรับรอยฝ้า
ที่มักเกิดขึ้นบริเวณหน้าผาก แก้ม และคาง เรียกว่าโคลแอซมมา
มันจะเกิดเมื่อระดับเอสโตเจนพุ่งสูง ซึ่งมักจะเป็นเพราะกินยาคุมกำเนิด
เร่งให้เกิดการผลิตเม็ดสีของผิว การเปลี่ยนมากินยาคุมกำเนิดที่มี
เอสโตเจนต่ำหรือไม่มีเลย อาจไม่ช่วยให้รอยฝ้านี้หายไปหมด
แต่คุณสามารถพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้สั่งยาบางตัวมาช่วย
หรืออาจจะรักษาด้วยวิธีเลเซอร์หรือการลอกผิว

รอยช้ำสีม่วงกว่าจะหาย
ส่วนใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับการดื่มมากเกินไป
เพราะแอลกอฮล์จะไปคั่งค้างสะสมในเลือด
การดื่มสามแก้วหรือมากกว่าใน 1 วัน
เป็นเวลาหลายสัปดาห์และเดินชนหรือเตะอะไรเข้า
จะทำให้มีการตกเลือดช้ำอยู่ในผิวหนัง
ทำให้เกิดรอยช้ำห้อเลือดสีม่วง
ซึ่งใช้เวลานานหลายวันหรือนานกว่าปกติถึงจะหาย 
ลดขนาดการดื่มลงและอาการการห้อเลือดนั้นจะกลับสู่ปกติ

เส้นเลือดฝอยแตกเป็นลายแมงมุมที่ด้านหลังขา
เหตุก็คือ คุณมักนั่งไขว้ห้างมันทำให้เกิดแรงกดดัน
ที่ด้านข้างของขาที่อยู่ด้านบน ทำให้เส้นเลือดฝอยละเอียดยิบนั้นแตก
ถ้าคุณไม่สามารถเลิดนิสัยการนั่งไขว้ห้างได้
คุณควรจะเปลี่ยนขาข้างไขว้ห้างบ่อย ๆ เพื่อว่าด้านใดด้านหนึ่งจะได้
ไม่ได้รับแรงกดมากเกินไป นอกจากนั้นก็ควรจะยกขาวันละ 20 นาที
เพื่อทำให้เลือดเดินสะดวก ป้องกันไม่ให้เกิดรอยเพิ่มขึ้น
และช่วยให้รอยเดิมจางลง

ผมบางเป็นย่อม ๆ
บางเป็นย่อม ๆ  บนศีรษะซึ่งทำให้คุณเห็นหนังศีรษะขาว
อาจเป็นเพราะไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ
ต่อมไทรอยด์นี้เป็นต่อมเล็ก ๆ ที่คอ มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมน
เพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกายและหน้าที่อื่น ๆ
อาการที่พบได้บ่อยในผู้หญิงนี้ มีผลทำให้ระบบเผาผลาญ
ในร่างกายและการเจริญเติบโตของผมช้าลง 
(อาการอย่างอื่นก็ เช่น ผิวแห้งเป็นประจำ
และน้ำหนักลดฮวบฮาบอย่างไม่มีสาเหตุ)
แต่โชคดีที่ไทรอยด์ที่ไม่เป็นปกตินี้
สามารถแก้ได้ด้วยยาบางชนิด คุณจึงควรปรึกษาแพทย์
เพื่อจะได้วัดระดับตรวจดดูและรักษา

ขาสองข้างไม่เท่ากัน
เราทุกคนทิ้งน้ำหนักลงที่ขาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
ตอนที่เดินหรือวิ่งกล้ามเนื้อขาของขาด้านที่ลงน้ำหนักมาก
จะเติบโตและมีขนาดใหญ่กว่าอีกข้างที่ไม่ค่อยได้ออกแรง
ปกติจะใหญ่กว่าประมาณหนึ่งนิ้ว ถ้ามันรบกวนจิตใจคุณมากนัก
ก็ไปออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อให้ขาข้างเล็กด้วยการยกขา







โดย:
งาน: งานผลิตเอกสาร
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: http://www.mcot.net/lady/

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 0

อ่าน 0 ครั้ง