|
|
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาจะเรียกว่าดิฉันไม่ตกเทรนด์ก็เห็นจะได้ เพราะให้บังเอิญได้ดูรายการประกวดอะคาเดมี่ แฟนตาเชีย (Academy Fantasia) หรือที่เรียกย่อๆ กันเต็มบ้านเต็มเมืองว่า “AF” ซึ่งได้แข่งขันรอบสุดท้ายได้ผู้ชนะเลิศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรคงไม่ต้องบอก ทีแรกก็ไม่ได้ตั้งใจดูหรอกค่ะ แต่พอเปลี่ยนรีโมทไปมาก็ให้มาสะดุดช่อง 9 จากนั้นก็ตั้งใจดูอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ดิฉันยอมรับว่าแรกเริ่มเดิมที ไม่เคยคิดที่จะดูเจ้ารายการประเภทเรียลิตี้ทั้งหลายเลย ออกจะเมินด้วยซ้ำ ทั้งยังบ่นบรรดาพวกพี่ๆ น้องๆ ที่ติดหนึบกับรายการประเภทนี้ และพูดคุยกันชนิดไม่รู้เบื่อ จนกระทั่งรู้สึกตหงิดๆ และสงสัยว่าทำไมหนอเจ้ารายการนี้ถึงได้ฮอตฮิต มีผู้คนติดตามกันล้นหลามและเทใจกันได้มากมายขนาดนี้ เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกได้อย่างน่าสนใจทีเดียว ก็เลยลองคิดเล่นๆ และประมวลคนดูรายการแต่ละวัย ว่าเวลาพวกเขาดูรายการประเภทนี้ เขาคิดอย่างไร หรือแท้จริงแล้วอยู่ที่พวกเขาว่ามองด้วยสายตาอย่างไร ? ถ้ามองด้วยสายตาของ กลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มวัยเดียวกัน - จะเข้าข่ายออกอาการมากที่สุด ติดมากที่สุด ก็จะออกมาในแนวคลั่งไคล้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง แต่จะเชียร์สุดหัวใจ และทำทุกทางเพื่อที่จะให้ V ที่ตนเองเชียร์ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุด และกลุ่มนี้แหละที่เนรมิตเจ้าบรรดาอุปกรณ์ประกอบการเชียร์ทั้งหลายก็จะมีสารพัดรูปแบบที่สรรหามาสร้างสีสันให้กองเชียร์กันอย่างคึกคัก รวมถึงเทใจกดโทรศัพท์โหวตให้ขวัญใจสุดๆ โดยลืมคิดถึงเรื่องค่าโทรศัพท์มือถือที่กดกระหน่ำช่วงหน้ามืดซะด้วย ส่วนแนวโน้มการโหวตที่ค่อนข้างชัดเจน ก็คือกลุ่มวัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่ก็จะเชียร์ผู้ชาย ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นชายก็มักจะเชียร์เพศตรงข้าม ก็เป็นตรรกะที่เข้าใจได้ ไม่มีอะไรต้องซับซ้อน ฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ ถ้าการใช้วิธีดูคะแนนด้วยผลโหวตจากทางบ้าน ครั้งไหนก็ครั้งนั้นแหละ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับรายการประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ถ้ามองด้วยสายตาผู้ใหญ่ - มีทั้งกลุ่มที่เกี่ยวข้องและเปิดใจยอมรับ บางคนเข้าข่ายไปเชียร์ร่วมกับลูกอีกต่างหาก ซึ่งก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย ก็เป็นกิจกรรมร่วมกันของครอบครัวอีกแบบหนึ่ง ในขณะที่มีสายตาของผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งเช่นกัน ที่ออกจะไม่เข้าใจว่าพวกนี้เป็นอะไรกันเนี่ย ถึงได้มาคลั่งไคล้เรื่องอะไรก็ไม่รู้ไม่เข้าท่า และออกไปทางต่อว่าและส่ายหัว ถ้ามองด้วยสายตาของเด็ก - ก็อยู่ที่แบบอย่างของคนในครอบครัวค่ะ เพราะต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนในบ้าน ถ้าในบ้านติดรายการประเภทนี้ แล้วมีเหรอที่เจ้าตัวเล็กจะหลุดรอด ก็ติดหนึบเชียร์ไปด้วย แต่ถ้ามองด้วยสายตาของคนทำธุรกิจ - ก็จะบอกว่ารายการประเภทนี้มีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีเหลือหลาย ยิ่งรายการเป็นเจ้าของค่ายโทรศัพท์มือถือ และใช้กลยุทธ์ผลโหวตด้วยแล้ว งานนี้มีแต่รวยกับรวย ก็แหม...ต่อให้ใช้กลยุทธ์โทรเท่าไรได้ค่าโทรคืนเท่านั้นก็เหอะ โอ้..พระเจ้า.. ก็รับตังค์ไปแล้วนี่...!!! เรื่องคืนค่าโทร..ขี้ผง...!! ส่วนตัวดิฉันเองมองด้วยสายตาหลายอารมณ์ค่ะ อารมณ์แรก ประหลาดใจว่าทำไมคนถึงได้ดูกันเยอะแยะขนาดนี้ มีอะไรดีนักหนาหนอ นอกจากวันเสาร์ที่มีแข่งร้องเพลง ทำไมต้องทำอะไรให้คนอื่นดูตลอด 24 ชั่วโมงด้วย เด็กพวกนี้พิลึกจริงๆ บางทีเคยเปิดไปดูตอนที่พวกบรรดาเด็กๆ เหล่านั้นอยู่ในบ้านกำลังนอนกันอยู่ ก็มีคนดูเนอะ ดูอะไรกันหว่า...!! อารมณ์ที่สอง งงงวยกับปฏิกิริยาคนรอบข้างพูดถึงเรื่องบรรดา V ต่างๆ ไม่เว้นแต่ละวัน อยู่ที่ว่าใครลุ้นใคร ทีแรกนึกว่ามีแต่เด็กวัยรุ่น ที่ไหนได้วัยทำงานก็ไม่น้อยหน้า ที่สำคัญบางครั้งก็เห็นวัยคุณแม่ คุณป้านั่งหน้าสะลอน โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้แข่งขันทั้งหลาย นัยว่าเป็นกระแสความแรงของรายการชนิดฉุดไม่อยู่จริงๆ หรือจริงๆ เราแก่หว่า...ไม่มั้ง..!!! อารมณ์ต่อมา เมื่อได้เห็นบรรดาเด็กๆ เหล่านั้นแข่งขันกันร้องเพลง ต่างก็เลือกเอาบทเพลง และมีลีลาการร้องเพลงที่สุดยอดจริงๆ มีความสามารถกันทั้งนั้น แล้วแต่ละคนก็มีบุคลิก ลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นด้วยกันทั้งสิ้น แต่สุดท้ายเมื่อร้องเพลงจบก็ต้องมาฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้ที่ถูกยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการร้องเพลง ซึ่งบางครั้งก็มีการวิจารณ์กันแรงๆ บางทียังงงๆ ว่าเออเนอะ วัยรุ่นสมัยนี้ใจกว้างจริงๆ และยังเก็บสีหน้าและอารมณ์ได้ดีจริงๆ แม้จะถูกวิจารณ์แรงๆ ต่อหน้าสาธารณชน ก็ต้องยืนยิ้มเข้าไว้ ยกมือไหว้ผู้นั้นกลับด้วยที่ช่วยวิจารณ์ อืมม์ น่ารักจริงๆ อารมณ์ที่สี่ โห...เด็กๆ เดี๋ยวนี้ตังค์เยอะเนอะ พร้อมที่จะเสียเงินโหวตให้กับฮีโร่ของเขาเพื่อให้ได้รับชัยชนะ โดยไม่สนใจว่าจะต้องเสียเงินเท่าไร เต็มที่เพื่อ V..ฮีโร่ ของเขา อารมณ์สุดท้าย มองด้วยสายตาคนเป็นแม่ ถือเป็นกรณีที่ต้องศึกษากันเลยทีเดียว เพราะปรากฏการณ์ AF ช่างสะท้อนวิถีชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และบอกเล่าให้คนเป็นพ่อแม่ได้เข้าใจ ถ้าเปิดใจยอมรับจะเข้าใจว่าเป็นการสะท้อนวิถีของวัยรุ่นยุคปัจจุบัน และอาจจะสะท้อนไปสู่รุ่นต่อไปได้อีกด้วย ใช่หรือไม่...เด็กวัยรุ่นเขาต้องการใครสักคนที่เป็น ฮีโร่ ของเขา และเขาหรือเธอพร้อมที่จะทำทุกทางเพื่อฮีโร่ของเขา แล้วทำไมเขาต้องโหยหาฮีโร่นอกบ้าน...!! ใช่หรือไม่...เด็กวัยรุ่นมักจะเป็นเป้าของธุรกิจในยุคทุนนิยมที่วางหลุมพรางในการกอบโกยผลประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วและเต็มใจมากที่สุด ใช่หรือไม่...เด็กวัยรุ่นตกเป็นเหยื่อของกระแสได้ง่ายที่สุด เพียงเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ หรือตกกระแสฮอตฮิตที่มาแรงในห้วงเวลานั้นๆ แล้วเราคนเป็นพ่อแม่ จะปล่อยให้ลูกในช่วงวัยรุ่นเข้าข่ายนี้กระนั้นหรือ...!! พวกเขาไม่ผิดหรอกค่ะ เพียงแต่ถ้าเรามีมุมมองในทุกๆ เรื่องอย่างเข้าใจและรู้เท่าทัน ก็จะทำให้พ่อแม่พูดคุยกับลูก และถือโอกาสสอนให้ลูกรู้เท่าทันกลยุทธ์ต่างๆ ได้ด้วย โดยให้เขาเป็นผู้ตัดสินใจเอง ยกตัวอย่างเมื่อลูกคลั่งไคล้ V..สักคน พ่อแม่ก็เรียนรู้ว่าลูกชอบฮีโร่ที่มีบุคลิกแบบไหน เพียงแต่ก็ต้องให้ลูกรู้ด้วยว่าชื่นชอบเพราะเขามีความสามารถในด้านนี้นะ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องหัวปักหัวปำ ถึงขนาดไม่เป็นอันกินอันนอน ให้เขารู้ว่าเป็นคนเหมือนกันมีทั้งข้อดีข้อเสีย คนเรามีความสามารถด้วยกันทุกคน ลูกเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะรู้ว่าถนัดอะไร และมีความสนใจด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่ หรือแม้แต่กลยุทธ์ทางการตลาดก็ต้องถือโอกาสสอนให้เขารู้เท่าทันกลยุทธ์นั้นๆ ด้วย ว่าบางครั้งดูเหมือนจะดี แต่....มีคำว่าแต่หรือเปล่า ก็เท่ากับเป็นการฝึกให้ลูกได้คิดด้วย ว่าถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครชนะ สุดท้ายใครรวย...ก็จะทำให้เขาเรียนรู้ได้เท่าทัน และไม่ตกไปเป็นเหยื่อต่อสิ่งนั้นๆ ง่ายๆ หรือถ้าจะให้ดีก็ถือโอกาสพูดคุยกันในครอบครัว และลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แล้วเราอาจจะเข้าใจวิธีคิดของลูกด้วยก็ได้ ไหนๆ ยุคต่อไป ลูกของเราก็ต้องเผชิญกับโลกใบนี้ ในสังคมเช่นนี้ ก็ควรสอนให้เขารู้เท่าทันโลกใบนี้ก็แล้วกัน เอ้...แต่ว่า..แล้วคนเป็นพ่อแม่รู้เท่าทันด้วยหรือยังเอ่ย...!! |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
โดย: งาน: งานบุคลากร อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน 12 กันยายน 2550 08:23 น. |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |