|
|
พระราชบัญญัติ ลูกเสือ พ.ศ.๒๕๕๑ ภูมิพลอดุลยเดชป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นปีที่ ๖๓ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยลูกเสือ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติดังต่อไปนี้ มาตรา๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. ๒๕๕๑” มาตรา๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา๓ ให้ยกเลิก (๑)พระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. ๒๕๐๗ (๒)พระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙ (๓)พระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘ (๔)พระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “ลูกเสือ” หมายความว่าเด็กและเยาวชนทั้งชายและหญิงที่สมัครเข้าเป็นลูกเสือทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษาส่วนลูกเสือที่เป็นหญิงให้เรียกว่า “เนตรนารี” “บุคลากรทางการลูกเสือ” หมายความว่า ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสืออาสาสมัครลูกเสือ และเจ้าหน้าที่ลูกเสือ “รัฐมนตรี” หมายความว่ารัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ หมวด๑ บททั่วไป มาตรา๖ ให้มีคณะลูกเสือแห่งชาติ ประกอบด้วยบรรดาลูกเสือทั้งปวงและบุคลากรทางการลูกเสือ มาตรา๗ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๘ คณะลูกเสือแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบและช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสามัคคี และมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพื่อความสงบสุข และความมั่นคงของประเทศชาติตามแนวทางดังต่อไปนี้ (๑)ให้มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง (๒) ให้ซื่อสัตย์สุจริตมีระเบียบวินัยและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (๓)ให้รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ (๔)ให้รู้จักทำการฝีมือ และฝึกฝนให้ทำกิจการต่างๆ ตามความเหมาะสม (๕)ให้รู้จักรักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของประเทศชาติ มาตรา๙ ให้กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนงานของคณะลูกเสือแห่งชาติเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติรวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติสำนักงานลูกเสือจังหวัดสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาสถานศึกษาและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การจัดกิจกรรมลูกเสือเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ มาตรา๑๐ ให้กรรมการสภาลูกเสือไทย กรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ กรรมการลูกเสือจังหวัดและกรรมการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนอื่นตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี หมวด๒ การปกครอง ส่วนที่๑ สภาลูกเสือไทย มาตรา๑๑ ให้มีสภาลูกเสือไทย ประกอบด้วย (๑) นายกรัฐมนตรีเป็นสภานายก (๒) รองนายกรัฐมนตรีเป็นอุปนายก (๓) กรรมการโดยตำแหน่งได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทยปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาการศึกษาเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสภากาชาดไทย อธิบดีกรมการปกครองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการลูกเสือชาวบ้าน (๔)กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินแปดสิบคนซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งตามพระราชอัธยาศัย ให้เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ รองเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้ช่วยเลขานุการ สภาลูกเสือไทยอาจมีสภานายกกิตติมศักดิ์อุปนายกกิตติมศักดิ์ และกรรมการกิตติมศักดิ์ซึ่งจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง มาตรา๑๒ สภาลูกเสือไทยมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑)วางนโยบายเพื่อความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของคณะลูกเสือแห่งชาติ (๒)ให้คำแนะนำในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๓)พิจารณารายงานประจำปีของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๑๓ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๑๑ (๔)มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปีนับแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งและเมื่อพ้นจากตำแหน่งอาจทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอีกได้ มาตรา๑๔ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๓ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๑๑ (๔)พ้นจากตำแหน่งเมื่อ (๑)ตาย (๒)ลาออก (๓)เป็นบุคคลล้มละลาย (๔)เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (๕)ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ส่วนที่๒ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติและสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๑๕ ให้มีคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติซึ่งเป็นองค์กรบริหารของคณะลูกเสือแห่งชาติประกอบด้วย (๑)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตำแหน่งได้แก่ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการและปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการเลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเลขาธิการสภากาชาดไทย ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนผู้อำนวยการสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนและผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการลูกเสือชาวบ้าน (๓)กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินสิบห้าคนซึ่งสภานายกสภาลูกเสือไทยแต่งตั้งโดยคำแนะนำของกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติตาม(๑) และ (๒)ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมาจากภาคเอกชนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ รองเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้ช่วยเลขานุการ มาตรา๑๖ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๑๕ (๓)มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระมิได้ ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการใหม่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งและให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทนแต่ถ้าวาระการดำรงตำแหน่งเหลืออยู่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่ดำเนินการแต่งตั้งแทนก็ได้ ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๔มาใช้บังคับแก่การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม มาตรา๑๗ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑)ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติและตามนโยบายของสภาลูกเสือไทย (๒)ส่งเสริมความสัมพันธ์กับคณะลูกเสือนานาชาติ (๓)สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ (๔)สนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง (๕)จัดการทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (๖)ให้ความเห็นชอบในการลงทุนเพื่อประโยชน์ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (๗)ออกข้อบังคับของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา (๘)วางระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกิจการลูกเสือ (๙)จัดทำรายงานประจำปีเสนอสภาลูกเสือไทยพิจารณาตามมาตรา ๑๒ (๓) (๑๐)แต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๑๑)แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติมอบหมาย (๑๒) กำกับดูแลสนับสนุนและส่งเสริมกิจการลูกเสือชาวบ้าน (๑๓)จัดตั้งตำแหน่งกิตติมศักดิ์และตำแหน่งอื่นใดที่มิได้ระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้ (๑๔)ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติหรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย มาตรา๑๘ ให้มีสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น ให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติมีฐานะเป็นนิติบุคคลและอยู่ในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ การจัดแบ่งส่วนงานภายในของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติให้เป็นไปตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๑๙ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติให้รัฐมนตรีแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนหนึ่งทำหน้าที่เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติและแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงอื่นในกระทรวงศึกษาธิการทำหน้าที่รองเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการตามจำนวนที่เหมาะสมโดยการเสนอของเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการตามวรรคหนึ่งให้ถือเป็นการปฏิบัติราชการด้วย มาตรา๒๐ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติและตามนโยบายของสภาลูกเสือไทยรวมทั้งให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (๑)ถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในทรัพย์สินของคณะลูกเสือแห่งชาติหรือดำเนินการใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สิน (๒)ทำนิติกรรมสัญญาหรือข้อตกลงอื่น (๓)รับผิดชอบการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๔)ควบคุมดูแลกิจการลูกเสือให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติรวมทั้งถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของลูกเสือ (๕)จัดให้มีการฝึกอบรมหรือการชุมนุมลูกเสือผู้บังคับบัญชาลูกเสือและเจ้าหน้าที่ลูกเสือ (๖)จัดทำรายงานประจำปีพร้อมงบดุลเสนอคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๗)จัดให้มีทะเบียนและสถิติต่างๆ เกี่ยวกับลูกเสือ (๘)ประสานและส่งเสริมสำนักงานลูกเสือจังหวัดและสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา (๙)ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับและตามมติของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๒๑ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติมีรายได้ ดังต่อไปนี้ (๑)เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสมเป็นรายปี (๒)เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ (๓) ค่าบำรุงค่าธรรมเนียมและค่าบริการอื่นตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๔)รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้จากการลงทุนหรือการร่วมลงทุนกับหน่วยงานและบุคคลภายนอกรวมทั้งผลประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (๕)รายได้หรือผลประโยชน์ที่ได้จากทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติและทรัพย์สินที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหาประโยชน์ (๖)รายได้หรือผลประโยชน์อื่น มาตรา๒๒ บรรดาเงินหรือรายได้ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติไม่เป็นเงินหรือรายได้ที่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ การใช้จ่ายเงินหรือรายได้ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติให้เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่กิจการลูกเสือตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๒๓ ให้เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารงานของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติและเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างในสำนักงานรวมทั้งให้มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (๑)ควบคุมดูแลทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (๒)เสนอรายงานประจำปีเกี่ยวกับผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ของสำนักงาน รวมทั้งการเงินและบัญชี ตลอดจนกระบวนการดำเนินงานแผนการเงินและงบประมาณของปีถัดไปต่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๓)เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงกิจการและการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติและตามนโยบายของสภาลูกเสือไทย (๔) บรรจุ แต่งตั้งเลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง และลงโทษทางวินัย พนักงานและลูกจ้างตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๕)วางระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายข้อบังคับและระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๒๔ ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้แทนของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเพื่อการนี้เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติจะมอบอำนาจให้บุคคลใดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะอย่างแทนก็ได้แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด มาตรา๒๕ กิจการของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์กฎหมายว่าด้วยประกันสังคมและกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน มาตรา๒๖ การบัญชีของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติให้จัดทำตามมาตรฐานการบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีและต้องจัดให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับการเงินการบัญชีและการพัสดุของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติทราบอย่างน้อยปีละครั้งทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด มาตรา๒๗ ให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติจัดทำงบการเงินตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีส่งผู้สอบบัญชีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณเพื่อตรวจสอบ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือบุคคลภายนอกตามที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติแต่งตั้งด้วยความเห็นชอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติและให้ทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติทุกรอบปีงบประมาณแล้วทำรายงานผลการสอบบัญชีเสนอต่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณทุกปี ส่วนที่๓ ลูกเสือจังหวัด มาตรา๒๘ ในแต่ละจังหวัด ให้จัดระเบียบการปกครองลูกเสือตามเขตจังหวัด สำหรับการจัดระเบียบการปกครองลูกเสือในกรุงเทพมหานครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีกฎหมายจัดตั้งเป็นรูปแบบพิเศษให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา๒๙ ให้มีคณะกรรมการลูกเสือจังหวัด ประกอบด้วย (๑)ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตำแหน่งได้แก่ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นรองประธานกรรมการปลัดจังหวัดนายกเหล่ากาชาดจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนายอำเภอ นายกเทศมนตรี นายกสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัดและผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (๓)กรรมการประเภทผู้แทนจำนวนห้าคน ได้แก่ ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาผู้แทนสถานศึกษาอาชีวศึกษา ผู้แทนค่ายลูกเสือจังหวัด ผู้แทนสมาคมหรือสโมสรลูกเสือและผู้แทนจากลูกเสือชาวบ้านซึ่งเลือกกันเองกลุ่มละหนึ่งคน (๔)กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินสิบคนซึ่งประธานกรรมการแต่งตั้งโดยคำแนะนำของกรรมการลูกเสือจังหวัดตาม (๒) และ (๓)ในจำนวนนี้จะต้องแต่งตั้งจากภาคเอกชนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต ๑เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ หลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกกรรมการตาม (๓)ให้เป็นไปตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๓๐ ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๖มาใช้บังคับกับวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการตามมาตรา ๒๙ (๓) และ(๔) โดยอนุโลม มาตรา๓๑ คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ภายในเขตจังหวัดดังต่อไปนี้ (๑)ควบคุมดูแลกิจการลูกเสือให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับและระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๒)ส่งเสริมและสนับสนุนความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือ (๓)สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ (๔)ควบคุมดูแลทรัพย์สินในกิจการของลูกเสือจังหวัด (๕)พิจารณาคำขอการจัดตั้งค่ายลูกเสือตามมาตรา ๓๒ (๖)พิจารณารายงานประจำปีของสำนักงานลูกเสือจังหวัด (๗)ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปี (๘)ให้คำแนะนำผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาในการปฏิบัติงานลูกเสือ (๙)จัดให้มีทะเบียนและสถิติต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินกิจการลูกเสือ (๑๐)ออกระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับกิจการลูกเสือเพื่อความเหมาะสมแก่การปกครองในจังหวัดซึ่งจะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ข้อบังคับและระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๑๑)จัดทำรายงานประจำปีและรายงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการลูกเสือในจังหวัดเสนอต่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๑๒)แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดมอบหมาย (๑๓)ปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติมอบหมาย มาตรา๓๒ การจัดตั้งค่ายลูกเสือในจังหวัดใดต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากคณะกรรมการลูกเสือจังหวัดและให้คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดรายงานต่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติทราบ การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติกำหนด มาตรา๓๓ ให้มีสำนักงานลูกเสือจังหวัดอยู่ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต ๑โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต ๑เป็นหัวหน้าสำนักงานลูกเสือจังหวัด บังคับบัญชาและรับผิดชอบการดำเนินงานของสำนักงานลูกเสือจังหวัดและให้ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานลูกเสือจังหวัด มาตรา๓๔ การจัดตั้งค่ายลูกเสือ การขออนุญาตและการอนุญาตสำหรับค่ายลูกเสือในกรุงเทพมหานคร ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๓๒มาใช้บังคับโดยอนุโลม ส่วนที่๔ ลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา มาตรา๓๕ ให้มีสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อการบริหารงานลูกเสือในเขตพื้นที่การศึกษานั้น มาตรา๓๖ ให้มีคณะกรรมการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา ประกอบด้วย (๑)ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตำแหน่งได้แก่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรของทุกอำเภอในเขตพื้นที่การศึกษาหรือผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลของทุกสถานีในเขตพื้นที่การศึกษาของกรุงเทพมหานคร (๓)กรรมการประเภทผู้แทน ได้แก่ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้แทนสถานศึกษาในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา ผู้แทนสถานศึกษาเอกชนผู้แทนสถานศึกษาอาชีวศึกษา ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาผู้แทนศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอ ผู้แทนค่ายลูกเสือและผู้แทนสมาคมหรือสโมสรลูกเสือ ซึ่งเลือกกันเองกลุ่มละหนึ่งคน (๔)กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินเจ็ดคนซึ่งประธานกรรมการแต่งตั้งโดยคำแนะนำของกรรมการตาม (๒) และ (๓)ในจำนวนนี้จะต้องแต่งตั้งจากภาคเอกชนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ได้รับมอบหมายเป็นกรรมการและเลขานุการและให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอีกไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ หลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกกรรมการตาม (๓)ให้เป็นไปตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๓๗ ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๖มาใช้บังคับกับวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการตามมาตรา ๓๖ (๓) และ(๔) โดยอนุโลม มาตรา๓๘ ให้คณะกรรมการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่ภายในเขตพื้นที่การศึกษาดังต่อไปนี้ (๑)ควบคุมดูแลกิจการลูกเสือให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับและระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (๒)ส่งเสริมและสนับสนุนความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือ (๓)ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมลูกเสือทั้งในและนอกสถานศึกษา (๔)ควบคุมดูแลทรัพย์สินในกิจการของลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา (๕)พิจารณารายงานประจำปีของสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาและรายงานให้คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดทราบ (๖)ให้ความเห็นชอบในแผนปฏิบัติการประจำปี (๗)ให้คำแนะนำแก่ผู้อำนวยการสถานศึกษาในการปฏิบัติงานหรือจัดกิจกรรมลูกเสือ (๘)จัดให้มีทะเบียนและสถิติต่างๆ เกี่ยวกับลูกเสือ (๙) กำกับดูแลสนับสนุนและส่งเสริมกิจการลูกเสือชาวบ้านในเขตพื้นที่การศึกษา (๑๐)ออกระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับกิจการลูกเสือเพื่อความเหมาะสมแก่การปกครองในเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะต้องไม่ขัดแย้งกับกฎหมายข้อบังคับและระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๓๙ ให้มีสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาอยู่ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานั้นโดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นหัวหน้าสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาบังคับบัญชาและรับผิดชอบการดำเนินงานของสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาและให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาซึ่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามอบหมายเป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา ส่วนที่๕ ทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๔๐ บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติได้มาโดยมีผู้อุทิศให้หรือได้มาจากการให้ซื้อด้วยเงินรายได้ของสำนักงานหรือแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ หรือได้มาโดยวิธีอื่นไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุและให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ การจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ของสำนักงานตามวรรคหนึ่งให้กระทำได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติเว้นแต่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐเมื่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติไม่ขัดข้องและได้รับค่าตอบแทนจากส่วนราชการรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานนั้นแล้ว ให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา มาตรา๔๑ ทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้แก่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติจะต้องจัดการตามเงื่อนไขที่ผู้อุทิศให้กำหนดไว้และต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติแต่ถ้ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขดังกล่าวสำนักงานลูกเสือแห่งชาติต้องได้รับความยินยอมจากผู้อุทิศให้หรือทายาทหากไม่มีทายาทหรือทายาทไม่ปรากฏจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๔๒ ทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีและบุคคลใดจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับสำนักงานลูกเสือแห่งชาติในเรื่องทรัพย์สินมิได้ หมวด๓ การจัดกลุ่ม ประเภทและตำแหน่งลูกเสือ มาตรา ๔๓ การตั้งการยุบ การจัดหน่วยลูกเสือ เหล่าลูกเสือและประเภทลูกเสือทั้งปวงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา๔๔ การเข้าเป็นลูกเสือ การออกจากลูกเสือ การจัดประเภท ชั้น เหล่าและการฝึกอบรมลูกเสือในสถานศึกษาหรือนอกสถานศึกษาให้เป็นไปตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๔๕ ตำแหน่งผู้บังคับบัญชาลูกเสือมีลำดับ ดังต่อไปนี้ (๑)ผู้อำนวยการใหญ่ (๒)รองผู้อำนวยการใหญ่ (๓)ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ (๔)ผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด (๕)รองผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด (๖)ผู้ช่วยผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด (๗)ผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา (๘)รองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา (๙)ผู้อำนวยการลูกเสือโรงเรียน (๑๐)รองผู้อำนวยการลูกเสือโรงเรียน (๑๑)ผู้กำกับกลุ่มลูกเสือ (๑๒)รองผู้กำกับกลุ่มลูกเสือ (๑๓)ผู้กำกับกองลูกเสือ (๑๔)รองผู้กำกับกองลูกเสือ (๑๕)นายหมู่ลูกเสือ (๑๖)รองนายหมู่ลูกเสือ มาตรา๔๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้อำนวยการใหญ่ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นรองผู้อำนวยการใหญ่ และรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นรองผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด และปลัดจังหวัดเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด ให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาและรองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาเป็นรองผู้อำนวยการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา การแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาลูกเสือตามมาตรา ๔๕ (๙) ถึง(๑๖) ให้เป็นไปตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๔๗ ตำแหน่งผู้ตรวจการลูกเสือมีลำดับ ดังต่อไปนี้ (๑)ผู้ตรวจการใหญ่พิเศษ (๒)ผู้ตรวจการใหญ่ (๓)รองผู้ตรวจการใหญ่ (๔)ผู้ตรวจการลูกเสือประจำสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (๕)รองผู้ตรวจการลูกเสือประจำสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (๖)ผู้ช่วยผู้ตรวจการลูกเสือประจำสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (๗)ผู้ตรวจการลูกเสือจังหวัด (๘)รองผู้ตรวจการลูกเสือจังหวัด (๙)ผู้ช่วยผู้ตรวจการลูกเสือจังหวัด (๑๐)ผู้ตรวจการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา (๑๑)รองผู้ตรวจการลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษา มาตรา๔๘ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจการใหญ่พิเศษ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ตรวจการใหญ่ ปลัดกระทรวงมหาดไทยผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ อธิบดีกรมการปกครองและอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นรองผู้ตรวจการใหญ่ การแต่งตั้งผู้ตรวจการลูกเสือและการกำหนดหน้าที่ของผู้ตรวจการลูกเสือตามมาตรา๔๗ (๔) ถึง (๑๑)ให้เป็นไปตามข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มาตรา๔๙ ผู้ตรวจการลูกเสือมีหน้าที่ตรวจตรา แนะนำ ชี้แจงและรายงานเพื่อให้การบริหารงานลูกเสือเป็นไปตามนโยบาย ข้อบังคับ ระเบียบและแบบธรรมเนียมของลูกเสือ หมวด๔ ธง เครื่องแบบและการแต่งกาย มาตรา๕๐ ให้มีธงคณะลูกเสือแห่งชาติและธงลูกเสือประจำจังหวัดโดยรับพระราชทานจากประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ ให้มีธงคณะลูกเสือไทยและธงลูกเสืออื่นๆเพื่อประโยชน์ในการร่วมกิจกรรมระดับนานาชาติ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา๕๑ เครื่องแบบและการแต่งกายลูกเสือให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา๕๒ ลูกเสือต้องปฏิบัติตามวินัยซึ่งกำหนดไว้ในข้อบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติและตามแบบธรรมเนียมของลูกเสือ หมวด๕ เหรียญลูกเสือและการยกย่องเชิดชูเกียรติ มาตรา๕๓ ให้มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษไว้สำหรับพระราชทานแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่หนึ่งและได้มีอุปการคุณช่วยเหลือกิจการลูกเสืออย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันที่ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที |
|
พระราชบัญญัติ ลูกเสือ |
|
โดย:
งาน: งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : 309 งานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน แหล่งที่มา: สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |