|
|
ในบรรดาเครื่องดนตรีทั้งหลาย Percussion นับว่าเป็นเครื่องดนตรีที่มีกำเนิดมาก่อนเครื่องดนตรีประเภทอื่น ๆ หรืออาจพูดได้ว่า Percussion นั้นเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับมนุษย์ นั่นคือเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจ ปรบมือ กระทืบเท้าตลอดจนการนำวัตถุต่าง ๆ มาเคาะให้เกิดเสียงขึ้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นต้นกำเนิดของ Percussion ซึ่งมีวิวัฒนาการมาจนเป็นเครื่องดนตรีในปัจจุบันนี้ Percussion มักจะเป็นเครื่องดนตรีที่ถูกละเลยเสมอ แม้กระทั่งในวง Symphony Orchestra คนทั่วไปก็มักจะมองว่าเป็นเครื่องดนตรีประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เราใช้ Percussion ในวงดนตรีแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Orchestra, Military Band, Symphonic Band ตลอดจน Jazz Band ในบรรดาเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ Percussion จัดว่าเป็นเครื่องดนตรีที่มีความเรียบง่ายที่สุด ในด้านรูปร่างและการสร้าง แต่เสียงของมันกลับเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก โดยเฉพาะในด้านของคุณลักษณะของเสียง ซึ่งจะก่อให้เกิดอารมณ์และความรู้สึกได้มากกว่าเครื่องดนตรีอื่น ๆ
Percussion เป็นกลุ่มเครื่องดนตรีที่มีความหลากหลายซึ่งเสียงต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นมาจากการกระทบทั้งสิ้น Percussion สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกัน 2 กลุ่มคือ 1. กลุ่มที่ไม่มีระดับเสียงในตัว (Indefinite Pitch) ได้แก่ - SNARE DRUM - BASS DRUM - ฉาบ / CYMBAL - TAM-TAM เป็นต้น 2. กลุ่มที่มีระดับเสียงต่าง ๆ ภายในตัว (Definite Pitch) ได้แก่ - TIMPANI - GLOCKENSPIEL - XYLOPHONE - CHIME เป็นต้น หมายเหตุ ผู้เล่น Percussion ทุกคนไม่ว่าจะเล่นเครื่องในกลุ่มที่ 1 หรือ 2 ที่กล่าวมาข้างต้น ทุกคนควรฝึกหัดพื้นฐานการเล่น (Warm Up) ของ Snare Drum ซึ่งจะช่วยให้เกิดทักษะในด้านจังหวะและการควบคุมกล้ามเนื้อตลอดจนควบคุมการใช้ไม้ได้ดี การจับไม้กลอง จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะคือ 1. แบบ Traditional Grip เป็นการจับแบบมือขวาคว่ำส่วนมือซ้ายจะหงายมือ ลักษณะนี้เหมาะกับการตีกลองในแนวระนาบเฉียง 2. แบบ Matched Grip เป็นการจับแบบคว่ำมือทั้งสองข้าง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีแนวโน้มการใช้มากขึ้น เพราะสามารถนำไปใช้กับเครื่องมืออื่น ๆ ได้ ลักษณะนี้เหมาะกับการตีกลองในแนวระบบตรง Outdoor Marching Percussion ในปัจจุบันจะเห็นว่าวง Marching band ตามโรงเรียนต่าง ๆ โดยเฉพาะในระดับมัธยมศึกษา จะมีการนำเอา Marching Percussion แบบใหม่ ๆ เข้ามา เช่น Tonal Bass Drum (กลองใหญ่ 4 ใบ) Multi-Tenors Drum (Quad-Quint Tom) ซึ่งสร้างสีสันให้กับกลุ่ม Percussion เป็นอย่างมาก กลุ่มเครื่องดนตรี Outdoor Marching Percussion แบ่งได้ดังนี้ 1. Marching Snare Drum 2. Multi-Tenors Drum 3. Tonal Bass Drum 4. Cymbals 5. Marching Bell 6. Marching Xylophone เป็นต้น 1. Marching Snare Drum เนื่องจากการแสดงของวงประเภทนี้มักจะเป็นการบรรเลงกลางแจ้งซึ่งต้องอาศัยความคมชัดของเสียง จึงมีการออกแบบให้ระดับเสียงของ Snare Drum นี้สูงกว่าที่เคยเป็นมา (High Tension) มีการออกแบบขอบกลอง (Hoop) ชนิดพิเศษ เพื่อรับการขึ้นเสียงกลองในระดับเสียงสูง ตำแหน่งของกลองที่จะให้เสียงแตกต่างกันในเวลาตี ตำแหน่งที่ 1 จะอยู่ในบริเวณใกล้กับขอบกลอง จะเหมาะสมกับบทเพลงที่ต้องการความเบา ตำแหน่งที่ 2 จะอยู่ในตำแหน่งที่ถัดลงมาจากตำแหน่งที่ 1 ซึ่งจะใกล้กับจุดศูนย์กลางหรือตำแหน่งที่ 3 จะให้เสียงที่รวมกันแต่จะมีความกังวานกว่าในตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งที่ 3 อยู่บริเวณศูนย์กลาง จะให้เสียงที่รวมกันคมชัดและเสียงจะสั้น จึงเหมาะต่อการตีในบทเพลงที่ดีความถี่ของการตีโน้ตต่อกันมาก ๆ 2. Multi-Tenors กลองชนิดนี้จะมีหนังเฉพาะหน้าตีเพียงหน้าเดียวเท่านั้น หน้าล่างจะเปิดโล่งไว้ กลองประเภทนี้นิยมใช้เป็นชุด ชุดละ 3 ใบ เรียกว่า Trio ชุดละ 4 ใบเรียกว่า Quads และชุดละ 5 ใบ เรียกว่า Quint ในแต่ละชุดจะประกอบด้วยกลองขนาดต่าง ๆ กัน กลองประเภทนี้จะมีไม้ตีอยู่ 3 แบบ คือ Hard, Medium hard และ Soft เพื่อคุณภาพเสียงที่ต่างกันตามบทเพลง ตำแหน่งของการตีในแต่ละใบควรตีให้ห่างจากบริเวณขอบกลองประมาณ 5-7 ซ.ม. ไม่ควรตีบริเวณจุดศูนย์กลางเพราะจะทำให้เสียงที่ออกมาทึบเกินไป 3. Tonal Bass Drum การนำกลองใหญ่หลาย ๆ ขนาดมาตั้งเสียงในระดับต่าง ๆ กันเพื่อให้เกิดสีสันมากยิ่งขึ้น ขนาดของกลองใหญ่ที่ควรใช้มีดังนี้ จำนวน (ใบ) ขนาดที่ใช้ 3 22'' 24'' 26'' หรือ 20'' 22'' 26'' 4 20'' 22'' 24'' 26'' หรือ 20'' 22'' 24'' 28'' 5 18'' 20'' 22'' 24'' 26'' หรือ 18'' 20'' 22'' 24'' 28'' ในการตั้งเสียงของ Bass Drum จะมีลักษณะที่เรียกว่า High Tension ซึ่งจะมีความตึงของกลองมาก เมื่อขึ้นหนังกลองแล้วจะมีเสียงสูงและกังวานมาก ทำให้ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่นัก จึงจำเป็นต้องใช้ตัวลดเสียงกังวาน (Mute) มาช่วยให้เสียงดีขึ้น โดยอาจใช้ผืนผ้า หรือฟองน้ำมาติดเพื่อซับเสียงก็ได้ เทคนิค มีหลักการโดยทั่วไปอยู่ 3 ข้อ ที่ผู้ปฏิบัติต้องทำให้ได้ดีเพื่อการเล่นที่ประสบความสำเร็จ ดังนี้คือ 1. ถือไม้ตี (Stick/Mallet) ด้วยนิ้วทุกนิ้วและนิ้วโป้งทุกครั้งที่จับ โดยทั่วไปมีวิธีจับได้หลายวิธี เลือกใช้วิธีที่เหมาะกับตัวผู้เล่นมากที่สุด อย่างไรก็ตามอยากแนะนำให้ใช้วิธีจับซึ่งมือและนิ้วโค้งอย่างเป็นตามธรรมชาติ พยายามอย่าเกร็ง ต้องให้นิ้วโป้งและนิ้วต่าง ๆ อยู่บนไม้ตี (Stick) หรือ Mallet ตลอดเวลา เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้การควบคุมการเล่นได้ดี แต่ยังมีผลต่อเสียงด้วย ข้อแนะนำนี้สำคัญมากเป็นพิเศษสำหรับผู้หัดเริ่มเล่น และผู้เล่นระดับกลาง เมื่อมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นผู้เล่นเองจะเริ่มเรียนรู้ว่าเมื่อใดควรผ่อนการจับลงหรือเมื่อใดควรใช้นิ้วให้มากขึ้น เป็นต้น 2. เล่นจากข้อมือ ในขณะที่จับ ให้ยกไม้ตี หรือ Mellet โดยยกข้อมือขึ้น นิ้วทุกนิ้วต้องอยู่บนไม้ในตำแหน่ง ''Up position'' ระลึกไว้เสมอว่าการเล่นจากข้อมือ ไม่ได้หมายความว่าปลายแขนและนิ้วต้องเกร็งอยู่กับที่ แต่ต้องเป็นไปตามส่วนของการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของไม้ตี / Mallet มักเป็นในลักษณะการหมุนข้อมือ (Turn of the wrist) ข้อควรระวังคือ ผู้เล่น Percussion หลายคนมักปล่อยนิ้วและหมุนไม้ตี / Mallet เป็น ''Up position'' ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ถ้าได้ลองทำดูจะเห็นว่าข้อมือไม่มีการเคลื่อนที่ ซึ่งขัดกับคำแนะนำข้อ 1 และ 2 3. การ REBOUNDปฏิกิริยาตามธรรมชาติของไม้ตีกลองเมื่อกระทบกับหัวคือ การกระเด้งไปสู่ตำแหน่ง ''Up position'' เนื่องจากการตกแต่งด้ามไม้ และ Mallet ปฏิกิริยาโต้ตอบนี้จึง ไม่มีในเครื่องคีย์บอร์ด อย่างไรก็ตามการได้รู้สึกถึงการกระเด้งตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะมีส่วนช่วยในการบรรเลง ควรปล่อยให้ไม้ และ Mallet มีปฏิกิริยาตอบกลับตามธรรมชาติ เพื่อจะได้มีผลต่อคุณภาพของเสียงโดยทั่วไปจะช่วยให้เสียงเต็มและยาวขึ้น และช่วยให้ A. ทำให้เสียง Fundamental Tone ยาวขึ้น B. การ Project เสียง (โดยเฉพาะ Forte และ Fortissimo) การเด้งกลับนั้นต้องการการผ่อนคลาย ไม่เกร็ง ซึ่งเป็นหลักสำคัญสำหรับการเล่นที่เร็วขึ้น ลักษณะของจังหวะ (Beat Pattern) มีลักษณะจังหวะอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานและสำคัญของ Orchestral Passages คือ Single, Double และ Triple จังหวะ ''Single Beat'' เป็นการใช้ 1 Stroke ของการเคลื่อนไหวมือ (RLRL) จังหวะ ''Double Beat'' ใช้ 2 Stroke ต่อการเคลื่อนไหวมือ (RRLL) และจังหวะ ''Triple Beat'' ใช้ 3 Stroke ต่อการเคลื่อนไหวมือ (RRRL) ส่วนใหญ่บทเพลงสำหรับเครื่องประกอบจังหวะ ใช้ทั้ง 3 แบบปนกัน แบบฝึกหัด 1-4 เน้นการเป็นอิสระ (มือเดียวจากนั้นก็อีกมือหนึ่ง) ฝึกทักษะ โดยการแยกแต่ละมือออกจากกัน จะทำให้ผู้เล่นมีความถนัด แก้ไขข้อบกพร่อง และปรับปรุงและให้รู้สึกถึงเทคนิค 3 ข้อ ที่แนะนำไปแล้ว ในขั้นต่อไป แบบฝึกหัดที่ 5-7 ยังคงไว้ซึ่งทักษะเดิม เมื่อเล่นสองมือพร้อมกัน (ในเวลาเดียวกัน) บ่อยครั้งที่เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งต้องการ การ Coordination ที่ถูกต้องเพื่อให้คงเทคนิค 3 ข้อที่ได้กล่าวไว้ ผู้ที่หัดเริ่มเล่น และผู้เล่นระดับกลาง อาจต้องพบกับลักษณะเช่นนี้ จงใจเย็นและอดทน และแน่ใจว่าทั้งสองมือเคลื่อนไปอย่างถูกต้องและเสียงดี การซ้อมการเด้งกลับจะช่วยพัฒนาคุณภาพของเสียง ข้อแนะนำในการฝึกซ้อม 1. เริ่มจากช้า ๆ จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้นจนรู้สึกเป็นธรรมชาติ ในขั้นแรกควรเล่นช้า ๆ และเน้น Fundamentals จากนั้นค่อยเล่นเร็วขึ้นและลดการควบคุมลง 2. เมื่อเพิ่ม Tempo แล้ว 2.1 ให้ลดระดับความสูงของการยกไม้ / Mallet 2.2 ใช้นิ้วต่าง ๆ เพื่อควบคุมการกระเด้ง 2.3 ให้เริ่มใช้ปลายแขน 3. ผู้เล่นคีย์บอร์ดควรเล่นแบบฝึกหัดในทุก ๆ คีย์ เปลี่ยน Key Signature ทุกวันจนครบ 4. ผู้เล่น Bass drum ควรมีการสลับระหว่างการเล่น Unison (กลองทั้ง 4 เล่นแนว Snare ใน Unison) มาเล่นแยกกัน (ดังเขียนในแบบฝึกหัด) แบบฝึกหัดที่ 1 การตี Single Beat 8 โน้ต/ห้อง ด้วยมือขวา แล้วต่อด้วยมือซ้าย สังเกตให้ไม้ที่ตีกระดอนกลับเต็มที่ หลังการตีในแต่ละครั้ง แบบฝึกหัดที่ 2 การตีโน้ตชุด Double Beat ด้วยมือขวา แล้วจึงต่อด้วยมือซ้าย ผู้ฝึกจะต้องแน่ใจว่าไม้ตีกระดอนอยู่ในตำแหน่งหลังจากตี Beat ที่ 2 เรียบร้อย แบบฝึกหัดที่ 3 การตีโน้ตชุด Triple Beat เช่นเดียวกับแบบฝึกหัดที่ 1, 2 ผู้ฝึกจะต้องปล่อยให้ไม้ตีกระดอนให้อยู่ในตำแหน่งหลังจากที่ตี Beat ที่ 3 แบบฝึกหัดที่ 4 เป็นการผนวกแบบฝึกหัดทั้ง 3 เข้าด้วยกัน จึงเป็นแบบฝึกหัดพื้นฐาน การตี Beat ต่าง ๆ Warm-Up ในการฝึกซ้อมก่อนการฝึกแบบฝึกหัดอื่น ๆ แบบฝึกหัดที่ 5 จะเป็นการทบทวนเริ่มต้นการตีในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรักษาความรู้สึกก่อนที่จะตีโน้ตในส่วนอื่น ๆ |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
โดย: งาน: งานดนตรีและการแสดง อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: www.thai.net |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |