[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

ข่าวการศึกษา : นิสิต-นศ.4 สถาบันบุกยื่นหนังสือ สนช.เผาหุ่น “วิจิตร”

      นิสิต นักศึกษา 4 สถาบัน บุกยื่นหนังสือคัดค้าน ม.ออกนอกระบบ สนช. เดือดเผาหุ่น ''วิจิตร'' คณบดีรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ยันคณะฯ ไม่เกี่ยว “หยุดเรียน”ค้าน ม.ออกนอกระบบ ระบุทุกคนแสดงความเห็นและเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่ควรหยุดเรียน หยุดสอน ให้เป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล เผยที่ผ่านมามีการทำประชาพิจารณ์แล้ว ด้านนิสิตเมินคำเชิญเข้าพูดคุยในที่ประชุมคณบดีวันนี้ ยืนกรานให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ก่อนสลายตัว รอนัดแนะพบผู้บริหารอีกรอบ

      ที่หน้าอาคารรัฐสภาวันนี้ (6 ธ.ค.) กลุ่มนักศึกษาในนามแนวร่วมคัดค้านมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ประมาณ 200คน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพา ได้เดินทางมาชุมนุมคัดค้านการผ่านร่างพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
     
      ทั้งนี้ กลุ่มนักศึกษาได้ยื่นหนังสือคัดค้านผ่านนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการสนช. เพื่อนำเสนอต่อนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสนช.และสมาชิก สนช.ทุกคน
     
      นายภาคิไนย์ กล่าวว่า เมื่อมหาวิทยาลัยออกนอกระบบจะไม่มีหลักประกันในการศึกษา โดยเฉพาะคนยากคนจนจะไม่มีโอกาสในการศึกษาเพราะค่าใช้จ่ายจะแพงขึ้น ซึ่งถือเป็นการทำลายระบบการศึกษาไทยในระยะยาว สำหรับที่มหาวิทยาลัยบูรพามีการต่อสู้มาอย่างยาวนานถูกผู้บริหารหักหลัง เพราะผู้บริหารนำร่างเดิมที่ยังไม่มีการแก้ไขขึ้นเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ
     
      “ที่ผู้บริหารพยายามผลักดันให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบเป็นเพราะผลประโยชน์ ขณะนี้ผู้บริหารได้ร่างระเบียบขึ้นเงินเดือนของตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว โดยอธิการบดีมีเงินเดือนสูงสุดถึง 2.5 แสนบาท รองอธิการบดี 2 แสนบาท ขณะที่ผู้ช่วยอธิการบดี รองคณะบดี หรือเทียบเท่าหัวหน้าภาควิชาจะมีเงินเดือนถึง 1 แสนบาท และทุกตำแหน่งจะได้รับโบนัส 3 เท่าของเงินเดือน พวกผมพยายามหาเอกสารบันทึกการประชุมในเรื่องนี้แต่ถูกปกปิดมาตลอด นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าถ้ามหาวิทยาลัยออกนอกระบบแล้วผู้บริหารจะทำอะไรก็ได้ เหมือนมีมหาวิทยาลัยเป็นของตัวเอง” นายภาคิไนย์ กล่าว
     
      ขณะที่ น.ส.ทวีพร คุ้มเมทา นิสิตชั้นปีที่ 1 จุฬาฯ กล่าวว่า เราขอคัดค้านการแปรรูปมหาวิทยาลัยและขอให้ยุติกระบวนการทุกอย่างเอาไว้ก่อน ขอให้มีการรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึงของประชาคมจุฬาเสียก่อนที่จะดำเนินการใดๆ เพราะนโยบายนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อนิสิต นักศึกษา อาจารย์ พนักงานในมหาวิทยาลัย และสังคมโดยรวม หากจะทำอะไรต้องกระทำโดยการมีส่วนร่วมของประชาคมมหาวิทยาลัยตลอดจนประชาชนผู้เป็นเจ้าของภาษี และต้องผ่านการประชามติอย่างเปิดเผย

      ด้าน นายณัฐสิฏ รักษ์เกียรติวงศ์ นิสิตปี 2 จุฬาฯ กล่าวว่า การนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบในครั้งนี้ไม่ชอบธรรม เพราะไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากประชาคมจุฬา ซึ่งผลกระทบที่ชัดเจนคือค่าเทอมเพิ่มขึ้น 150% เท่ากันเป็นการสร้างสังคมชนชั้นทั้งที่รัฐบาลมีหน้าที่ในการให้การศึกษากับประชาชนอย่างทั่วถึง
     
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักศึกษาได้ทำการเผาหุ่นนายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการซึ่งเป็นผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม สนช. รวมทั้งได้ร้องตะโกนไม่เอามหาวิทยาลัยออกนอกระบบ พร้อมทั้งชูป้ายที่มีข้อความว่า “เก็บภาษีไปทำไม ถ้าไม่ช่วยการศึกษา” หรือ “สินค้าแปรรูปได้ แต่มหาวิทยาลัยแปรรูปไม่ได้”
     
      **''วิจิตร''โยนสภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งชี้แจง
      ด้าน นายวิจิตร ศรีสะอ้าน รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า เคยมีการทำความเข้าใจกันไปแล้วว่า หากมหาวิทยาลัยใดมีการคัดค้าน ทางกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) จะส่งให้ทางมหาวิทยาลัยนั้นกลับไปพิจารณาใหม่ เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของสภามหาวิทยาลัย
     
      ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ดูเหมือนทางนักศึกษาอยากจะฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลมากกว่านั้น นายวิจิตร กล่าวว่า คงไม่ได้ เพราะเมื่อเราบอกเป็นความสมัครใจ และเมื่อบางแห่งเขาสมัครใจและไม่มีปัญหา แต่บางแห่งสมัครใจแล้วมีปัญหา แล้วเราจะปฏิบัติเหมือนกันได้หรือ เพราะรัฐบาลไม่ได้บอกว่าทุกแห่งต้องออกนอกระบบ เราบอกว่าถ้าใครพร้อม และสมัครใจก็ขอให้เสนอความศรัทธามา และเมื่อ พ.ร.บ.ฉบับใดเสนอมาแล้วมีปัญหาเราก็ส่งกลับไปให้เขาพิจารณาใหม่ว่าในกรณีของท่าน เช่น ม.ขอนแก่น มีคนคัดค้าน ท่านจะว่าอย่างไร
     
      นายวิจิตร กล่าวด้วยว่า พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนอกระบบนี้เป็นเรื่องที่ค้างมาจากรัฐบาลเก่า ไม่ใช่มาเร่งรัดทำในรัฐบาลชุดนี้ ถ้าที่ไหนพร้อมแล้วไม่มีปัญหาก็เสนอต่อไป แต่ถ้าที่ใดมีปัญหาเราก็ต้องพิจารณาใหม่ ส่วนที่มีนักศึกษารวมตัวกันประท้วงนั้น รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร เขารวมตัวกันก็เป็นสิทธิของเขา และการที่มีความเห็นเพิ่มมาก็ดี จะได้มีการพิจารณาด้วยความรอบคอบ

      “รัฐบาลไม่ได้บอกว่าจะต้องออกหรือบังคับให้ออก รัฐบาลเพียงแต่บอกว่าเป็นเรื่องที่ค้างมาเราก็ต้องพิจารณาต่อไป แต่หากมหาวิทยาลัยไหนยืนยันที่จะคัดค้าน เขาก็ต้องทำความเข้าใจกับสถาบันเขา เพราะมันมีผูรับผิดชอบ ถามว่าสภามหาวิทยาลัยเป็นองค์กรสูงสุดใช่หรือไม่ คำตอบคือใช่ ดังนั้นเขาก็ควรจะคุยกับทางสภามหาวิทยาลัยเอง” รมว.ศึกษาฯ กล่าว
     
      ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องต้นกำลังมีการนัดหยุดเรียนกัน นายวิจิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะถือเป็นมาตรการของเขา แต่ตนพูดในหลักการว่าการที่จะเสนอกฎหมายมานั้น เราให้สิทธิมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งสมัครใจ และให้อำนาจสภามหาวิทยาลัย เป็นผู้วินิจฉัย อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีหลายวิทยาลัยก็เปิดโอกาสให้นักศึกษามีส่วนร่วม และรับฟังเสียงนักศึกษามาตลอด
     
      เมื่อถามว่านักศึกษามีความเป็นห่วงว่าหากนักศึกษาที่ไม่มีเงินก็จะไม่มีโอกาสเรียนในมหาวิทยาลัยนอกระบบ รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า “ก็แล้วมันมีมหาวิทยาลัยนอกระบบไหนที่ไม่เก็บเงิน ก็มีอยู่ 4 แห่ง ก็ไม่เห็นเขาเดือดร้อนอะไร ทั้ง ม.สุรนารี ม.วลัยลักษณ์ ม.แม่ฟ้าหลวง และ ม.เทคโนธนบุรี ก็ไปสมมติกันเองว่าออกนอกระบบแล้วจะต้องเก็บเงินเพิ่ม ที่จริงเรื่องการเก็บค่าเล่าเรียนนี้ เป็นสิทธิของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งอยู่แล้ว ไม่ว่านอกระบบหรือในระบบ การขึ้นค่าเล่าเรียนเป็นเรื่องของสภามหาวิทยาลัย รัฐบาลไม่มีอำนาจไปสั่งการใด ๆ ทั้งสิ้น และค่าเล่าเรียนที่เก็บอยู่ทุกวันนี้ก็ช่วยได้เพียง 30 % ของค่าใช้จ่ายเท่านั้นเอง มันถึงได้ทำให้แตกต่างกับมหาวิทยาลัยเอกชนถึง 8-10 เท่า และผมก็เชื่อว่าไม่มีอธิการบดีคนไหนที่อยากจะขึ้นค่าเล่าเรียน และถ้ารัฐอุดหนุนให้เพียงพอ ไม่เก็บเลยก็ยังได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่านโยบายของรัฐเป็นอย่างไร เราก็บอกว่าจะให้ฟรีในการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี แต่ในขั้นอุดมศึกษาเราจะช่วยในรูปที่มีกองทุนอยู่ ซึงก็ยืนมาได้ตลอดดังนั้นถือเป็นการประกันคนละแบบ แต่ถ้าจะให้ฟรีทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศไทยก็ยากจน” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
     
      เมื่อถามว่าหากมีการหยุดเรียนจริงทางกระทรวงศึกษาธิการจะทำอย่างไร นายวิจิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของทางสภามหาวิทยาลัยเขา ไม่เกี่ยวกับกระทรวงศึกษาฯ
       
      **คณบดีสิงห์ดำยัน''หยุดเรียน''ไม่เกี่ยวคณะฯ
      ส่วนความคืบหน้าการชุมนุมคัดค้านมหาวิทยาลัยออกนอกระบบของนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มนิสิตนักศึกษาต้านการแปรรูปมหาวิทยาลัย”ว่า ในเวลาประมาณ 12.00 น. นิสิตกลุ่มดังกล่าวได้เดินขบวนไปยังตึกอธิการบดี จุฬาฯ เพื่อขอพบผู้บริหารของทางมหาวิทยาลัย เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ โดย ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน รองอธิการบดี จุฬาฯ และ ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณบดีรัฐศาสตร์ ได้มาพบกับนิสิตกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากในวันนี้มีการประชุมคณบดี จุฬาฯ ตามวาระปกติ โดยได้เชิญให้นิสิตทั้งหมด ประมาณ 100 คน ไปหารือร่วมกันในที่ประชุมคณบดีถึงเหตุผลในการเคลื่อนไหวคัดค้าน แต่ได้รับการปฏิเสธจากนิสิตกลุ่มดังกล่าว โดยยืนกรานว่าต้องการให้ยกเลิก พ.ร.บ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทิ้งเท่านั้น ดร.จรัสและ ศ.ดร.เกื้อ จึงขอให้กลุ่มนิสิตฯ ประสานงานมา หากต้องการพูดคุยกับผู้บริหารคนใด ในวัน เวลาใด ซึ่งแม้ว่ากลุ่มนิสิตฯ จะไม่พอใจนัก แต่ก็ยอมสลายการชุมนุมไปในที่สุด

      ดร.จรัส กล่าวว่า นิสิตยืนกรานที่จะคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ซึ่งหลักการการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบเป็นเรื่องดี และมีการยืนยันมาตลอดว่าต้องดำเนินการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการสำรวจและทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว ไม่ใช่ว่าคิดจะทำก็ดำเนินการเลย ส่วนที่นิสิตออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ใช่ในนามของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เป็นการแสดงความเห็นส่วนบุคคล หรือหากจะมีอาจารย์ในคณะไม่เห็นด้วย จะออกมาแสดงความเห็นก็กระทำได้ แต่ไม่เห็นด้วยกับการหยุดสอน และทางคณะก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้นิสิตหยุดเรียน การเคลื่อนไหวหยุดเรียนเป็นเรื่องส่วนบุคคล
     
      คณบดีรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นการเคลื่อนไหวคัดคต้านเรื่องค่าเล่าเรียนนั้น นักศึกษาเข้าใจผิด การขึ้นค่าเล่าเรียน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการออกนอกระบบหรือการอยู่ในระบบ แต่ในการบริหารงานทางมหาวิทยาลัยต้องขึ้นค่าเล่าเรียนอยู่แล้ว ซึ่งนิสิตส่วนใหญ่ของจุฬาฯ เป็นคนกรุง 60 % และเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะ การที่จุฬาฯ จะทำอะไร ต้องคำนึงเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องการขึ้นค่าเล่าเรียน สำหรับตนเห็นว่าการออกนอกระบบมีผลดีในเรื่องความคล่องตัวในการบริหารงาน และการพัฒนาวิชาการ และจุฬาฯ ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย จะสอนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำงานวิจัยด้วย ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานวิจัยก็ติดขัดเรื่องราชการยู่มาก หากออกนอกระบบก็จะส่งผลดี มีการตรวจสอบ และประเมินผล จากนี้ก็ต้องรอให้กลุ่มตัวแทนนิสิตฯ นัดแนะว่าจะเชิญอธิการ หรือผู้บริหารคนอื่นมาหารือร่วมกันอย่างไร ส่วนจะพูดคุยกันก่อน 8 ธันวาคมนี้ ที่นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศจะเคลื่อนไหวคัดค้านการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบทั่วประเทศหรือไม่อยู่ที่นิสิตจะเป็นผู้นัดหมายมา





ดูรายละเอียดเพิ่มเติม


โดย:
งาน: งานบุคลากร
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ 6 ธันวาคม 2549 15:28 น.

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 0

อ่าน 0 ครั้ง