|
|
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมหารือร่วมกับสำนักพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษาและกิจการพิเศษ ว่าได้พิจารณาเพื่อปรับแผนการทำงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ในปี 2550 จะมีการจัดทำแบบสำรวจ เพื่อตรวจสอบโรงเรียนระดับอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนปลายและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทุกสังกัด รวมทั้งโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครว่าโรงเรียนมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ระบบความปลอดภัยครบถ้วนหรือไม่เพื่อจะได้เข้าไปช่วยเหลือ นอกจากนี้ จะมีการจัดระบบในการประสานงานความร่วมมือของ ศธ.กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น ปลัดศธ. ก ล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ศธ.จะใช้ชุดปฏิบัติการที่เป็นเครือข่ายจากโรงเรียนมัธยมศึกษาทุกสังกัดจำนวน 220 ชุดเข้ามาปฏิบัติงานในศูนย์เสมารักษ์ในเรื่อง 1.รับประเด็นเรื่องราวร้องทุกข์ และช่วยแก้ปัญหาผ่านคอลเซ็นเตอร์ 1579 2.วิเคราะห์ปัญหาพฤติกรรมจากสื่อต่างๆ 3.ช่วยประสานส่งต่อเมื่อเด็กเกิดปัญหา 4.จัดทำกรณีศึกษาเป็นรายบุคคล 5.ติดตามกรณีศึกษา เช่น ออกไปตรวจเยี่ยมบ้านนักเรียน และ 6.วิเคราะห์ปัญหาโรงเรียนของตนเองว่ามีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และระบบความปลอดภัยครบถ้วนตรงกับมาตรฐานหรือไม่ จากนั้นจะมีการบันทึกรายงานประจำวัน และผลงานของชุดปฏิบัติการ นำเสนอผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานปลัดกระทรวงเพื่อเผยแพร่ให้ผู้ปกครองได้รับทราบ โดยข้อมูลที่ได้รับจะทำให้ทราบว่าโรงเรียนใดเป็นโรงเรียนกลุ่มเสี่ยง และโรงเรียนใดที่ทำดีจะได้ยกย่องให้รางวัลประจำปีต่อไป ''ชุดปฏิบัติการทั้ง 220 ชุดจะได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียน นักศึกษา ของ ศธ.เดิมเรียกว่า สารวัตรนักเรียน ในช่วงปิดภาคเรียนนี้จะฝึกอบรมวิธีปฏิบัติงานให้กับชุดปฏิบัติการให้ทันทำงานเปิดภาคเรียนที่ 1/2550 ให้สอดคล้องกับโครงการคุณธรรมนำความรู้ โดยที่ผ่านมาศธ.มีพนักงานส่งเสริมความประพฤติฯ ในกทม.เพียง 38 คน และต่างจังหวัด 28 คน แต่ได้มีการอบรมชุดปฏิบัติการทำให้มีพนักงานส่งเสริมฯ เป็น 4,120 คนและตั้งเป้าจะอบรมให้ได้อีก 2,000 คนเพื่อให้ครอบคลุม 76 จังหวัด และจะวางแนวทางการทำงานใหม่โดยพนักงานส่งเสริมฯ จะไม่ไปตามไล่จับเด็กตามห้างสรรพสินค้าเหมือนในอดีต แต่จะเข้าไปทำงานร่วมกับโรงเรียนมากขึ้น'' นางจรวยพร กล่าว และว่า สำหรับปัญหาของนักเรียนที่พบมากที่สุดคือ 1.การดื่มสุรา และสูบบุหรี่ 2.มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และ 3.การใช้เงินฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ปัญหาเหล่านี้ล้วนมีสาเหตุมาจากการใช้อินเตอร์เน็ต |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
โดย: งาน: งานบุคลากร อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: ข่าวสด ฉบับที่ 5914 [หน้าที่ 15 ] ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |