|
|
โดย...คุณพ่อเชษฐา ไชยเดช วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูเจ้าถูกฝังไว้ในคูหา ในวันนี้พระศาสนจักรรำพึงถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า ทรงอยู่ในพระคูหา และเสด็จลงไปยังแดนผู้ตาย ไม่มีพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ และเราสามารถอดอาหารเพื่อเตรียมสมโภชปัสกาตามที่พระศาสนจักรแนะนำ รูปพระเยซูเจ้าซึ่งถูกตรึงกางเขน บรรทมอยู่ในพระคูหา หรือเสด็จลงไปยังแดนผู้ตาย ซึ่งวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ระลึกถึงธรรมล้ำลึกเหล่านี้ อาจนำมาตั้งไว้ในวัดให้สัตบุรุษนมัสการ รวมทั้งรูปแม่พระมหาทุกข์ด้วย คืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ พิธีตื่นเฝ้าปัสกา โครงสร้างของพิธีกรรม ประกอบด้วย 4 ภาค คือ 1. พิธีแสงสว่าง เสกไฟ เตรียมเทียนปัสกา แห่เทียนปัสกา และประกาศสมโภชปัสกา ซึ่งให้ความหมายว่า พระคริสตเจ้าทรงเป็นความสว่างที่มาทำลายความมืดของบาปและความตาย 2.วจนพิธีกรรม เป็นการระลึกถึงงานแห่งความรอดพ้นของมนุษยชาติในประวัติศาสตร์แห่งความรอด และงานแห่งความรักสำเร็จโดยอาศัยการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า 3. การเสกน้ำ พีธีศีลล้างบาป และการรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลล้างบาป ชี้ให้เห็นว่าโดยการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เราได้รับชีวิตใหม่ที่พระเจ้าประทานให้ (โดยศีลล้างบาป) 4. ภาคศีลมหาสนิท ชี้ให้เห็นว่าชีวิตใหม่ที่พระคริสตเจ้าประทานให้มุ่งไปสู่ความสมบูรณ์ โดยการเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในศีลมหาสนิท พิธีแสงสว่าง เสกไฟและเทียนปัสกา การเสกไฟ แสงสว่างใหม่ที่จะใช้จุดเทียนปัสกาชี้แสดงให้เห็นถึงชีวิตใหม่ที่เราได้รับจากพระเยซูเจ้า เราอยู่ในคืนที่ทุกอย่างได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ เทียนปัสกาหมายถึง พระเยซูเจ้าทรงเป็นอัลฟาและโอเมกา ทรงเป็นจุดเริ่มต้นและเป้าหมายของสรรพสิ่ง กำยานห้าเม็ดที่ติดบนเทียนเป็นรูปกางเขนหมายถึงบาดแผลทั้ง 5 ของพระองค์ ขบวนแห่ที่นำหน้าโดยเทียนปัสกาให้ความหมายกับเราว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก ใครที่เดินตามพระองค์ จะไม่เดินในความมืด แต่จะมีแสงสว่างส่องทางชีวิต (ยน 8:12) พระเจ้านำชาวอิสราเอลไปสู่อิสรภาพและชีวิตใหม่ด้วยเสาเพลิงฉันใด (เทียบ อพย 13:21) คริสตชนผู้ซึ่งเป็นอิสราเอลใหม่ก็ติดตามพระคริสตเจ้าไปสู่ชีวิตใหม่ในลักษณะเดียวกัน พระสงฆ์ขับร้องว่า ''พระคริสตเจ้าองค์ความสว่างของชาวเรา'' และทุกคนรับว่า ''ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้า'' เมื่อถึงประตูวัดหลังจากพระสงฆ์ขับร้องว่า ''พระคริสตเจ้าองค์ความสว่างของชาวเรา'' เป็นครั้งที่สอง ทุกคนตอบว่า ''ขอขอบพระคุณพระเจ้า'' อีกครั้ง แล้วต่างคนต่างจุดเทียนของตนจากเทียนปัสกา เพื่อแสดงว่าเราทุกคนได้รับความสว่างและชีวิตจากพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เมื่อเดินมาถึงแท่นบูชามีการขับร้องและตอบรับอีกครั้งหนึ่ง ต่อจากนั้นจึงเปิดไฟในวัด พิธีแสงสว่างจบลงด้วยการประกาศสมโภชปัสกา (Exultet) ที่อธิบายความหมายของความสว่าง ความหมายของการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า และการกอบกู้มนุษย์ให้พ้นจากบาปและความตาย การประกาศสมโภชปัสกาจบลงด้วยภาพที่ชัดเจนว่า ''พระคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงส่องแสงและนำสันติสุขมาให้มนุษยชาติ'' วจนพิธีกรรม มีบทอ่าน 7 บทจากพันธสัญญาเดิม และสองบทจากพันธสัญญาใหม่ เป็นการที่พระศาสนจักรอธิบายธรรมล้ำลึกปัสกาของพระเยซูเจ้า ''โดยเริ่มตั้งแต่โมเสสและบรรดาประกาศก'' ดังนั้นถ้าทำได้ ควรอ่านบทอ่านครบทุกบท เพื่อให้ลักษณะของ ''การตื่นเฝ้า'' ที่ควรจะยืดยาวสักหน่อย ได้ปรากฏเด่นชัดขึ้น (คำแนะนำเรื่องเทศกาลมหาพรตและการเตรียมการสมโภชปัสกา ข้อ 86) แต่ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ต้องอ่านบทอ่านจากพันธสัญญาเดิมอย่างน้อย 3 บท จาก ''หนังสือปัจบรรพและประกาศก'' โดยต้องอ่านจากหนังสืออพยพบทที่ 14 พร้อมกับบทเพลงที่ตามมาด้วย หลังจากบทอ่านและบทสดุดี จะมีบทภาวนา บทภาวนาจะให้ความหมายของบทอ่านที่อ่าน และทำให้บทอ่านเป็นปัจจุบันด้วยคำภาวนา หลังจากบทอ่านบทสุดท้ายจากพันธสัญญาเดิมและบทภาวนาจบแล้ว มีการจุดเทียนที่แท่นบูชา พระสงฆ์ก่อบทพระสิริรุ่งโรจน์ มีการสั่นกระดิ่งและย่ำระฆัง บทภาวนาของประธาน เป็นการขอให้การกลับคืนชีพของพระบุตร ทำให้พระศาสนจักรซื่อสัตย์ต่อความรักของพระองค์ บทอ่าน รม. 6:3-11 พูดถึงชีวิตคริสตชนโดยศีลล้างบาปเป็นการมีส่วนร่วมในการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า ดังนั้นท่านได้ตายจากบาปแล้ว แต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าในพระคริสตเยซู มีการขับร้องอัลเลลูยาอย่างสง่า และอ่านพระวรสารเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า (ปีA อ่านพระวรสารนักบุญมัทธิว ปีB อ่านพระวรสารนักบุญมาระโก ปีC อ่านพระวรสารนักบุญลูกา) การเสกน้ำและฉลองศีลล้างบาป การรื้อฟื้นคำสัญญาแห่งศีลล้างบาป โดยศีลล้างบาปเราได้รับชีวิตใหม่อันเป็นผลมาจากการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า น้ำเสกเป็นสิ่งคล้ายศีล ไม่ใช่เครื่องรางที่มีฤทธิ์อำนาจในตัวเอง แต่เป็นเครื่องเตือนใจถึงศีลล้างบาป ภาคนี้จบด้วย ''การรื้อฟื้นคำสัญญาของศีลล้างบาป'' การละทิ้งปีศาจและการประกาศความเชื่อนี้เป็นการกระทำจำเพาะของหมู่คณะทั้งหมด และเป็นการสรุปทางเดินของการกลับใจที่คริสตชนทำตลอดเทศกาลมหาพรต ภาคศีลมหาสนิท การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพถือเป็นจุดที่มีความหมายสูงสุดของพิธีกรรมในวันนี้ วันอาทิตย์สมโภชปัสกา ใช้บทอ่านเดียวกันทั้งในปี A B C พิธีกรรมในวันนี้แสดงถึงความชื่นชมยินดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า บทอ่านที่ 1 กจ 10:34-43 เปโตรเป็นพยานถึงธรรมล้ำลึกปัสกาของพระเยซูเจ้า โดยเน้นว่าการประกาศข่าวดีนี้สำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะชาวยิวแต่รวมคนต่างศาสนาด้วย ''ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์ จะได้รับการอภัยบาปเดชะพระนามของพระองค์'' บทสดุดี 118 เป็นบทเพลงแห่งความชื่นชมยินดีและการเฉลิมฉลอง ''นี่เป็นวันที่พระเจ้าทรงสถาปนาให้เป็นวันสำคัญ ให้เรายินดีปรีดิ์เปรมในวันนี้'' บทอ่านที่ 2 คส 3:1-4 กล่าวถึงชีวิตใหม่ที่เราได้รับโดยธรรมล้ำลึกปัสกาของพระเยซูเจ้า ''พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด'' บทเสริม (Victimae paschali) เป็นการย้ำถึงความชื่นชมยินดี และชัยชนะแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า พระวรสาร ยน 20:1-9 กล่าวถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า บทภาวนาของประธาน เราวอนขอพระเจ้า โปรดให้เราได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้าและกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ อาศัยธรรมล้ำลึกปัสกาของพระเยซูเจ้า เทียนปัสกาจะตั้งอยู่ใกล้แท่น หรือ บรรณฐาน (ในสักการสถาน) เฉพาะในเทศกาลปัสกา หลังจากจบเทศกาลปัสกา ให้เก็บไว้อย่างมีเกียรติในที่โปรดศีลล้างบาป และจุดเทียนของผู้รับศีลล้างบาปจากเทียนปัสกานี้ด้วย ในพิธีศพก็ควรตั้งเทียนปัสกาไว้ใกล้กับหีบศพ เป็นการแสดงว่าความตายของคริสตชนเป็น ''ปัสกา'' (การผ่านไปรับชีวิต) ของเขาด้วย (คำแนะนำเรื่องเทศกาลมหาพรตและการเตรียมการสมโภชปัสกา ข้อ 99) |
http://www.catholic.or.th/spiritual/article/article06/arti070.html |
โดย: งาน: กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |