|
|
โดย คุณพ่อ ปรีชา นิยมธรรม ปัสกา : จุดใจกลางความเชื่อคริสตชน ธรรมล้ำลึกแห่งปัสกา คือธรรมล้ำลึกแห่งการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพขององค์เจ้าเหนือหัวเยซูคริสต์ เป็นจุดใจกลางของทุกสิ่ง ในภาษฮีบรู PESAH ซึ่งแปลเป็นภาษากรีกและภาษาลาตินว่า PASCHA แปลว่าการผ่าน / ทางผ่าน หมายถึงการผ่านเข้าสู่ชีวิตของพระเป็นเจ้า ปัสกาเป็นจุดใจกลางของพิธีกรรม ด้วยเหตุนี้จึงมีช่วงมหาพรต 40 วันก่อนและติดตามด้วยช่วง 50 วันถึงวันสมโภชองค์พระจิตเสด็จมาเหนืออัครสาวก ปัสกาคือจุดใจกลางของชีวิตคริสตชน หรือจะพูดอีกก็ได้ว่า ปัสกาคือชีวิตคริสตชน ธรรมล้ำลึกแห่งการเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนแปร การเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนแปร ก็คือการตายและการเกิดขึ้นนี้เอง ตัวอย่างที่ 1 หญิงสาวไม่ใช่เด็กหญิงที่อ้วนขึ้น แต่ถ้าเรามานึกภาพว่าเด็กหญิงที่โตขึ้นๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปรในร่างกายจนถึงวันเป็นผู้ใหญ่ เธอจะเป็นอย่างไร คงจะน่าเกลียดพอดู เปลี่ยนแปลงจากเล็กจนโตต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ และแน่นอนนั่นหมายถึงต้องผ่านช่วงเวลาที่ลำบาก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของชายหรือหญิง ต้องตายต่อของเล่นของตนเองตายต่อชีวิตที่ไม่ต้องมีภาระกังวลใดๆ บ่อยครั้งเราชอบมองไปที่อนาคตตรงๆ โดยไม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงอะไร ดังนี้จึงมีคนมากมายมองข้ามไปที่อนาคตแล้วก็คิดว่า สวรรค์ ชีวิตนิรันดร์ คือความสุขบนโลกแบบมนุษย์ที่ขยายตัวขึ้นมากๆ โดยไม่มีความเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนแปร แต่ปัจจุบัน ความสุขของคนทั่วๆ ไปคืออะไร ก็คือ การอยู่ดี กินดี รักสามี รักภรรยา มีสุขภาพดี มีเงินมาก มีความรู้มาก…แล้วก็คิดว่าอนาคตความสุขจริงในสวรรค์ก็คือ การขยายตัวของสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ผิดถนัด เพราะจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปรในสิ่งเหล่านี้ ตัวอย่างที่ 2 ผีเสื้อไม่ใช่ตัวหนอนผีเสื้อตัวใหญ่ๆ เพื่อที่จะกลายมาเป็นผีเสื้อ ตัวหนอนผีเสื้อนี้ต้องเปลี่ยนแปร ต้องลอกคราบออกจากรูปแบบตัวหนอนผีเสื้อ แต่ถ้าตัวหนอนผีเสื้อมีสติปัญญา และถ้าเราถามมันว่า ''อยากให้ทำอะไรเพื่อจะได้ความสุข'' มันคงจะตอบว่า ฉันอยากเป็นตัวหนอนผีเสื้อ ที่ตัวโตที่สุดเพื่อจะได้ปกครองบรรดาตัวหนอนผีเสื้ออื่นๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น ตัวหนอนผีเสื้อก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นผีเสื้อสักทีในชีวิตของมัน และมันก็จะไม่เป็นประโยชน์แก่โลกเราเลย ตัวอย่างที่ 3 ก็คือตัวอย่างที่น่าสนใจที่สุด เพราะองค์พระเยซูเป็นผู้เลือก เราอ่านได้ในบทพระวรสารนักบุญยอห์น 12:24 เรื่องเมล็ดข้าวสาลี เพื่อจะได้ออกรวง เมล็ดข้าวสาลีต้องเปื่อยยุ่ยในดิน เปลี่ยนแปรสภาพไป ถ้าเราจะเขียนเป็นเรื่องราวง่ายๆ เราอาจเขียนได้ดังนี้ ''เมล็ดข้าวสาลีมีความสุขสบายในยุ้งฉาง ไม่มีฝนในยุ้งฉาง ไม่มีความชื้นแฉะ และเพื่อนเมล็ดข้าวก็เข้ากันดี ไม่ทะเลาะวิวาทกัน ทุกเมล็ดมีความสุขมากๆ'' ถ้าเราเปรียบเทียบกับความคิดเกี่ยวกับความสุขของเรา คือสุขภาพ ทรัพย์สมบัติ…….เมล็ดข้าวนี้พบความสุขจริงๆ แต่ถ้าเราสังเกตดีๆ มันเป็นเพียงความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของเมล็ดข้าวที่อยู่ในยุ้งฉางเท่านั้น แน่นอนเราไม่ควรดูถูกความสุขประสามนุษย์นี้ เรามีสิทธิและหน้าที่ในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีความสบายฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเป็นเพียงความสุขเล็กๆ น้อย เท่านั้นที่เราอาจเขียนเรื่องต่อไปได้อีกว่า เราอาจจะเห็นเมล็ดข้าวนี้มีความศรัทธามากและโมทนาคุณพระเจ้าว่า ''ข้าแต่พระเจ้า ลูกขอมทนาคุณพระองค์สำหรับพระพรเหล่านี้ ฝนไม่ตก ไม่ชื้นแฉะ ลูกอยู่สบายดี ไม่ทุกข์ร้อน ดีแล้วพระเจ้าข้า ลูกขอบพระคุณพระองค์'' ในการสวดบทภาวนาแบบนี้ เมล็ดข้าวสาลีพูดกับพระเป็นเจ้าที่ไม่มีจริง เมล็ดข้าวสาลีพูดกับรูปเคารพบูชา พระเจ้าผู้ที่เป็นบิดาและผู้ประกันความสุขเล็กๆ น้อย ในยุ้งฉางหรือพระเจ้าผู้เป็นบิดาและผู้ประกันสุขภาพ ความสะดวกสบายและทรัพย์สินของมนุษย์เราจะยอมคุกเข่าต่อหน้ารูปเคารพบูชานี้เชียวหรือ? พระเป็นเจ้าที่มีอยู่จริงคือ พระเป็นเจ้าที่จะเปลี่ยนแปลงเมล็ดข้าวนี้ให้ถูกเป้าประสงค์เป็นรวงข้าว วันหนึ่งเขาก็ขนเมล็ดข้าวเหล่านั้นใส่ในรถแล้วก็ออกไปข้างนอกในทุ่งกว้างขวางโอ้โฮ มันดูงดงามกว่าในยุ้งฉาง ท้องฟ้าสีสดใส เสียงนกเสียงกา มีดอกไม้สวยสด แต่เมล็ดข้าวนั้นก็ยังเป็นเมล็ดข้างอยู่ และก็ได้สรรเสริญพระเป็นเจ้ายิ่งกว่าเก่าอีกว่า ''โอชีวิตนี้ช่างสวยสดงดงามกว่าที่คิดไว้ตั้งเยอะแยะ ยอดเยี่ยมจริงๆ ขอบคุณพระเจ้าข้า'' เมล็ดนั้นก็ยังคงพูดกับพระเป็นเจ้าที่ไม่มีอยู่จริงเหมือนเดิม เราอาจจะเถียงว่า เรามีสิทธิ์ที่จะสรรเสริญพระเป็นเจ้าสำหรับชีวิตและความสุขในโลกนี้ ถูกต้องทีเดียว แต่เรามีสิทธิ์กระทำต่อพระเป็นเจ้าที่แท้จริง และพระเป็นเจ้าผู้ที่แท้จริงก็คือผู้ทีกำลังถูกกล่าวถึงต่อไปนี่เอง ''เมื่อมาถึงพื้นที่อันได้รับการพรวนดินใหม่ๆ เขาก็หว่านเมล็ดข้าวลงบนดินแล้วก็ฝังลงในดิน ในเวลานั้น เมล็ดข้าวไม่เข้าใจอะไรเลย งงไปหมด เหมือนหลายคนที่พูดรอบตัวเราท่านว่า ''ถ้าพระเจ้ามีจริง คงไม่เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น'' และเมล็ดข้าวของเราก็เปื่อยยุ่ยในที่สุด'' เหมือนเราท่านที่คิดในเวลาเช่นนั้นว่า ชีวิตนี้ไร้สาระ ''หลายอาทิตย์ต่อมา ก็ถึงฤดูเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวกลายเป็นรวงข้าวสวยงาม และเพื่อสิ่งนี้เองที่เมล็ดข้าวมีชีวิต'' การเปลี่ยนแปลงต้องผ่านการตายต่ออะไรสักอย่างเสมอ เจริญเติบโตคือถูกเปลี่ยนแปลง ถ้ามันหมายถึงการละม้ายคล้ายกับพระเจ้า จำเป็นที่การเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนแปรนี้เป็นไปอย่างถอนรากถอนโคนอย่างเด็ดขาด การเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนแปรบางส่วนก็ได้รับผลเป็นบางส่วน และการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนนี้ ก็คือความตายนั่นเอง |
http://www.catholic.or.th/spiritual/article/article06/arti076.html |
โดย: งาน: กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |