|
|
| “วรากรณ์” ชี้ การจัดการศึกษาให้กับเด็กต่างด้าวช่วยแก้ปัญหาเรื่องความมั่นคงของชาติ รวมทั้งเป็นการดูแลในมิติทางจริยธรรมด้วย ขณะที่สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ เผย นโยบายให้จัดการศึกษาให้เด็กต่างด้าวทุกคนไม่สามารถปฏิบัติได้จริง เพราะสถานศึกษาไม่เข้าใจนโยบายที่ชัดเจน ขณะที่เด็กเองก็ไม่มีความต่อเนื่องในการเรียน แนะพิจารณาหลักสูตรที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ และควรสอนภาษาไทยควบคู่ไปด้วย
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ กรุงเทพมหานคร สำนักงานเสขาธิการสภาการศึกษา จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดและจัดทำแนวทางการจัดการศึกษา สำหรับเด็กอพยพต่างด้าวและแรงงานเด็กข้ามชาติ โดย รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดการประชุม ว่า หลายประเทศจะประสบปัญหาคนอพยพข้ามชาติ ซึ่งนโยบายการดูแลคนกลุ่มนี้ก็จะมองถึงความมั่นคงของชาติเป็นหลัก รวมถึงมิติทางจริยธรรม และเศรษฐกิจ หากรัฐบาลจัดระบบการศึกษาที่ดีให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับการศึกษา ก็จะทำให้เด็กเกิดสำนึกรักถิ่นฐาน รักประเทศไทย และยังจะกลายเป็นแรงงานคุณภาพที่สำคัญให้กับภาคเศรษฐกิจในอนาคต อย่างไรก็ตาม ปัญหาและอุปสรรคสำคัญ คือ คนในสังคมยังมีทัศนคติหวาดระแวงคนต่างด้าวต่างคนต่างไม่ไว้ใจกัน ทั้งยังไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐต้องจัดการศึกษาให้คนกลุ่มนี้ ทั้งที่เด็กไทยเองยังได้รับการศึกษาไม่ทั่วถึง รวมถึงการขาดการประสานงานระหว่างส่วนราชการ แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติมากขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาในรายละเอียดการนำไปใช้ อาทิ นโยบายรัฐที่ให้เด็กต่างด้าวทุกคนได้เรียน เรียนโรงเรียนไหนก็ได้ และให้เงินอุดหนุนรายหัวแก่ผู้เรียน แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายรายหัว การรับนักเรียนที่ไม่มีเลขประจำตัวบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ปัญหา ศ.ดร.สุภางค์ จันทวานิช สถาบันเอเชียศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงสภาพปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กต่างชาติ ในจังหวัดชายแดนว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2548 คณะรัฐมนตรีมีมติตามแนวทางของ ศธ. ให้เด็กทุกคนในประเทศไทยได้เข้าศึกษาในสถานศึกษาของไทยแม้ไม่มีหลักฐานประจำตัวใดๆ ได้ แต่ในทางปฏิบัติมีเพียงโรงเรียนบางแห่งที่นำไปใช้ โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่ที่มีแรงงานต่างชาติอยู่มากเท่านั้น เนื่องจากแต่ละสถานศึกษาไม่เข้าใจนโยบายที่ชัดเจน ทั้งนโยบายที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับการศึกษาที่จัดโดยภาครัฐ มากกว่าการส่งเสริมรูปแบบการศึกษาที่หลากหลาย หรือเหมาะสมกับเด็กต่างชาติ นอกจากนี้ ยังเกิดปัญหาจากตัวของเด็กต่างชาติและครอบครัวเอง ทั้งเรื่องความต่อเนื่องในการเรียน เนื่องจากพ่อแม่ย้ายถิ่นฐานบ่อย ยากจนไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนตัว บางคนต้องทำงานหารายได้ช่วยครอบครัว ตลอดจนปัญหาการแปลกแยกกับพื้นที่การปรับตัวเข้ากับเด็กไทย ศ.ดร.สุภางค์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของหลักสูตรยังไม่หลากหลาย ไม่มีการพิจารณาหลักสูตรที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ ซึ่งการสอนเด็กกลุ่มนี้ควรสอนภาษาไทยควบคู่กับภาษาถิ่นของเด็กกลุ่มนั้น โดยการสอนภาษาไทยเน้นเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าเชิงวิชาการ จัดหลักสูตรอิงหลักสูตรมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือหลักสูตรอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการรองรับ เพื่อให้ง่ายต่อการเทียบโอนการเรียน และไม่ควรกำหนดเวลาเรียนตายตัว ยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตเด็ก เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงการศึกษาให้มากที่สุด |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม |
|
โดย: งาน: งานบุคลากร อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2550 17:30 น. |
| Vote | |
| เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
| เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
| เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
| เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
| มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
| |
|