|
|
โรคไข้เลือดออก (Denque Fever/ Denque Hemorrhaqic Fever) ไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง พบมากในฤดูฝนเพราะมียุงเพิ่มมากขึ้ ทำให้มีไข้ร่วมกับมีเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โรคนี้เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หลังจากถูกยุงลายกัดประมาณกี่วันจึงจะแสดงอาการของไข้เลือดออก? ยุงลายที่เป็นพาหะของโรค จะเป็นยุงที่อาศัยอยู่ภายในบ้านและรอบๆ บ้าน ดูดกินเลือดคนเป็นอาหารและกัดเฉพาะเวลากลางวันประมาณ 4 – 6 วัน หลังจากถูกกัด อาการของโรคจะปรากฏให้เห็น บางรายอาจเร็วหรือ ช้ากว่านี้ เร็วที่สุด 3 วัน ช้าที่สุด 14 วัน จะทราบได้อย่างไร ว่าเป็นไข้เลือดออก? 1.มีไข้แต่อาการไม่รุนแรง ลักษณะไข้สูงแบบเฉียบพลัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีผื่นขึ้นตามตัว สามารถมองเห็นได้ 2.มีไข้สูงและมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยดังนี้ 2.1.ระยะไข้: ไข้สูง 39 c – 40 c บางรายอาจถึงชักได้ ไข้ลอยอยู่ 2 – 7 วัน หน้าจะแดง และตาอาจจะแดงด้วย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการน้ำมูกไหลหรือไอ มีส่วนน้อยที่มีอาการไอแบบไม่มีเสมหะ 2.2.ระยะเลือดออก: จะพบในวันที่ 3 – 4 ของโรค ไข้จะลดลง ตัวเย็น ผื่นขึ้น ผู้ป่วยจะซึมลง อาจมีอาการเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ท้องอืด ตับโต เบื่ออาหาร อาจมีเลือดออกในทางเดินอาหาร ซึ่งผู้ป่วยจะอาเจียนเป็นเลือดเก่าๆ หรือถ่ายอุจจาระสีดำ อาการอาจรุนแรงถึงช็อก หมดสติ 2.3.ระยะพักฟื้น: จะฟื้นไข้เร็ว และจะหายภายใน 2 – 3 วัน รวมระยะเวลาของโรคประมาณ 7 -10 วัน การดูแลผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออก ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลทุกรายโดยเฉพาะในระยะแรก ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสชนิดนี้ การรักษาเป็นแบบตามอาการและประคับประคอง โดยปฏิบัติดังนี้ 1.ระยะที่มีไข้สูงควรเช็ดตัวลดไข้ ในรายที่เคยมีประวัติชัก หรือปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามตัว อาจจำเป็นต้องให้ยาลดไข้ โดยใช้ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน เพราะจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น 2.ให้น้ำชดเชย เพราะผู้ป่วยอาจมีภาวะขาดน้ำ เนื่องจากมีไข้สูง เบื่ออาหารและอาเจียน ควรให้ดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำเกลือแร่ ในรายที่อาเจียน ควรให้ดื่มครั้งละน้อยๆ และดื่มน้ำบ่อยๆ 3.ติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด ควรมาพบแพทย์เป็นระยะๆ เพื่อตรวจดูระดับของความเข้มข้นเลือดและเกล็ดเลือด ถ้าเกล็ดเลือดต่ำ เลือดจะออกง่าย ทำให้มีเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่ายกาย ระยะที่เกิดอาการช็อกส่วนใหญ่จะประมาณวันที่ 3 ของโรค (เวลาที่เกิดอาการช็อกแตกต่างกันไปแล้วแต่ระยะเวลาของไข้) อาการนำของช็อกได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน/ ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะน้อยลง มีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น พร้อมๆกับไข้ลดลง ถ้าพบอาการเหล่านี้ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาล แต่หากเป็นชนิดที่ไม่รุนแรงอาการจะดีขึ้นในเวลา 5 – 7 วัน 4.ผู้ป่วยอาจยังมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำกว่าระดับปกติ แม้ว่าอาการจะดีขึ้น และออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ตาม จึงควรหลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกอย่างรุนแรงต่อไปอีก 3 – 5 วัน 5.หากผู้ป่วยมีอาการปกติ สามารถไปโรงเรียนหรือทำงานได้ 6.ถ้าคนในบ้านมีไข้สูงควรพามาพบแพทย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อไวรัสเช่นเดียวกับผู้ป่วย จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้ได้อย่างไร การป้องกันทำได้ 2 วิธี คือ 1.ป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด ซึ่งยุงลายนี้จะกัดในเวลากลางวัน ควรนอนในมุ้งหรือติดมุ้งลวดป้องกันยุงเข้ามาในบ้าน หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณมุมอับชื้น ทายากันยุงที่สกัดจากพืชธรรมชาติ 2.กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดไป ยุงลายจะเพาะพันธุ์ในน้ำใส ดังนั้นส่วนใหญ่สถานที่เพาะพันธุ์ยุงลาย จะเป็นภาชนะที่เก็บน้ำใช้ในบ้าน เช่น โอ่งน้ำ ถ้วย รองขาตู้กันมด แจกันดอกไม้ ภาชนะนอกบ้านที่มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายกระทำได้โดย •ภาชนะที่ใช้เก็บน้ำต้องมีฝาปิด •ใช้ทรายอะเบทใส่ในภาชนะขังน้ำไว้ใช้เพื่อทำลายไข่ยุง (ซึ่งสามารถรับได้ที่สถานีอนามัย) •ทำลายภาชนะที่ไม่จำเป็น เพราะอาจมีน้ำขังได้ •พ่นละอองยา ทำลายยุงลาย |
http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious/dhf.htm |
โดย: งาน: งานบริหารแผนกธุรการ อ้างอิงแผนงาน : - อ้างอิงโครงการ : - แหล่งที่มา: http://www.inf.ku.ac.th |
Vote | |
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อฉัน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |
มีประโยชน์ต่อทุกคน | ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ |