[ Home ]  [ Today 's Event ]  [ FAQ ]  [ บันทึกงาน ]
User: Passwd:
ค้นหาข้อมูล:

ข่าวการศึกษา : Bookstart : หนังสือสามารถเปลี่ยนชีวิตได้

      คอลัมน์ พ่อแม่ลูกปลูกรัก
      สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
     
      ระยะนี้ได้ยินคำว่า ‘Bookstart’ บ่อยๆ มีเพื่อนคุณแม่หลายท่านโทรศัพท์มาถามดิฉันว่า ‘Book start’ คืออะไร บางคนเพิ่งมีลูกอยากได้หนังสือในโครงการ Bookstart ด้วย ทำได้อย่างไร ก็ขออนุญาตบอกเล่าผ่านคอลัมน์นี้ซะเลย

        โครงการ Book start หรือโครงการหนังสือเล่มแรก เริ่มขึ้นที่ประเทศอังกฤษในปี 2535 เกิดจากเด็กอังกฤษไม่อ่านหนังสือ รัฐบาลเลยเกิดความคิดว่าทำยังไงให้เด็กอ่านหนังสือ โครงการ bookstart ในอังกฤษเริ่มต้นเล็กๆ มีหนังสือภาพ มีบัตรสมาชิกห้องสมุด โดยใช้ช่องทางผ่านหน่วยงานสาธารณสุข เมื่อเด็กไปฉีดวัคซีน ก็แจกหนังสือ และใช้วิธีอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจว่าเรื่องการอ่านสำคัญอย่างไร ครั้งแรกมีสมาชิกเป็นเด็กประมาณ 300 คน ผ่านไป 10 ปี สมาชิกเพิ่มเป็น 675,000 คน โดยการแจกหนังสือไปกว่า 2.6 ล้านเล่ม
     
      ส่วนที่ญี่ปุ่นเริ่มเมื่อปี 2543 เริ่มได้ไม่นานแต่มีความจริงจังและขยายตัวเร็วกว่าอังกฤษ เพราะรัฐบาลเห็นความสำคัญเรื่องการอ่านมาก และมีองค์กรมารองรับ องค์กรพัฒนาท้องถิ่นก็เอาด้วย ระบบห้องสมุดก็ดี ฉะนั้นถุงหนังสือเล่มแรกจึงได้ผล ปีนั้นจึงกลายเป็นปีแห่งการอ่านของเด็กญี่ปุ่น และเริ่มมีการนำโครงการ ‘Bookstart’ มาใช้ส่งเสริมการอ่าน ปัจจุบันโครงการนี้กระจายสู่ชุมชนและท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่นอย่างกว้างขวางและจริงจัง
     
      ในขณะที่บ้านเราเริ่มต้นเมื่อปี 2546 แต่เป็นการไปดูงานที่ญี่ปุ่นและเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น แต่เริ่มจริงจังในปี พ.ศ.2547 โดย มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก เริ่มต้นที่จำนวน 106 ครอบครัว ซึ่งขณะนั้นได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)
     
      ส่วนปีที่ 2 มูลนิธิซีเมนต์ไทย สนับสนุนให้ทำเพิ่มอีก 802 ครอบครัว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการให้ทุนปีเดียว ในปีนี้ ได้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ทุนทำกับ 2,400 ครอบครัว
     
      สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการมีเงื่อนไขว่า ต้องอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวัน อ่านที่ไหนก็ได้ เมื่อไรก็ได้ แต่ต้องอ่านวันละประมาณ 5-15 นาที เพราะต้องการให้เด็กได้รับการปลูกฝังและกลายเป็นนิสัยติดตัวไปด้วย โดยมีปรัชญาว่าหนังสือจะช่วยทำให้เด็กๆ มีความรู้ มีโลกกว้าง และมีหนังสือเป็นเพื่อน
     
      ภายใน ‘ถุงหนังสือเล่มแรก’ มีอะไรบ้าง
     
      ภายในมีคู่มือพัฒนาลูกน้อยของ อ.พรอนงค์ นิยมค้า หนังสือพัฒนาลูกน้อยด้วยการอ่าน พ่อแม่อ่านแล้วก็จะรู้จักการอ่านหนังสือให้ลูกฟังว่ามีความสำคัญเท่ากับอาหารหนึ่งมื้อของเด็ก เล่มสองเป็นคู่มือหนูรักหนังสือ เล่มสามคือจันทร์เจ้าขา เป็นคำคล้องจองโบราณ เล่มสี่เป็นเรื่องน้องหมีเล่นกับพ่อ ซึ่งเหมาะกับขวบปีแรกของเด็ก เพราะต้องการสื่อสารให้สังคมรับรู้ว่าพ่อต้องเล่นกับลูกด้วย
     
      ในปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กร่วมกับเสถียรธรรมสถานด้วย ก็เลยเพิ่มหนังสืออีก 2 เล่ม คือ “รู้ไหมหนูชอบทำอะไรกับแม่” และ “รู้ไหมหนูชอบทำอะไรกับพ่อ” เพื่อเสริมสร้างสติและความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดี โดยจะแจกในโรงพยาบาล องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็ก สถานสงเคราะห์ แล้วก็องค์กรภาครัฐที่มีหน่วยงานศูนย์เด็กเล็ก หรือคนที่สมัตรเข้าร่วมโครงการเอง
     
      นายเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการผู้จัดการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก หรือพี่ปอง ผู้จัดการโครงการหนังสือเล่มแรก Bookstart ประเทศไทย กล่าวถึงเป้าหมายเรื่องโครงการหนังสือเล่มแรกว่า ต้องการเห็นภาพบรรยากาศเวลาที่พ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย พี่น้อง หรือบุคคลในครอบครัว อ่านหนังสือร่วมกัน มีความผูกพัน ความรัก ความอบอุ่นภายในครอบครัว เพราะถ้าครอบครัวอบอุ่น ปัญหาสังคมก็จะไม่เกิดขึ้น ประเทศชาติก็จะน่าอยู่

        ก่อนการดำเนินโครงการฯ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก มีแนวคิดว่า อยากทำโครงการหนังสือเล่มแรก Bookstart ในประเทศไทย เพื่อให้เด็ก เยาวชน มีนิสัยรักการอ่าน และได้รับประโยชน์จากการอ่านหนังสือ เพราะมูลนิธิฯ เชื่อว่า “หนังสือ เป็นประตูสู่โลกกว้าง” แต่หลังจากการทำโครงการ ทางมูลนิธิฯ มีแนวคิดใหม่ คือ “หนังสือ สามารถเปลี่ยนชีวิตได้” เพราะผลที่ได้รับจากการติดตามพัฒนาการของเด็กกลุ่มนี้พบว่า เด็กๆ มีนิสัยรักการอ่าน ติดหนังสือ ชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหนังสือ มากกว่าการดูโทรทัศน์ หรือการเล่นของเล่น
     
      ที่สำคัญ หนังสือ เป็นตัว สร้างความสัมพันธ์ ที่ดีในครอบครัว เป็นตัว เชื่อมกลาง ระหว่างพ่อ แม่ ลูก และคนในครอบครัว
     
      พี่ปองยกตัวอย่างครอบครัวที่ทางมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กได้ไปลงพื้นที่ที่จังหวัดเลยว่า
     
      “น้องฟิล์ม อายุประมาณ 3 ขวบ คุณแม่พาน้องฟิล์มเข้าร่วมโครงการตั้งแต่น้องอายุประมาณ 4 เดือน และอ่านหนังสือให้น้องฟังมาโดยตลอด น้องฟิล์มในวันนี้เป็นเด็กที่พูดจาฉะฉาน ชัดถ้อย ชัดคำ ผิดจากเด็กในวัยเดียวกัน เป็นเด็กที่ชอบหนังสือมาก เวลาไปไหนมาไหนก็จะหอบหิ้ว ลากกระเป๋าหนังสือไปด้วยเสมอ หนังสือมีร่องรอยการเปิดใช้บ่อย มีรอยยับ รอยฉีกขาด แต่ได้ถูกซ่อมแซม โดยการนำ สก็อตเทปใสมาแปะติดไว้ น้องฟิล์มจดจำเรื่องราวในหนังสือเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ตอบคำถามได้หมดเกี่ยวกับหนังสือ”
     
      น้องฟิล์มเป็น 1 ในเด็ก 30 คน ที่เข้าร่วมโครงการหนังสือเล่มแรก Bookstart โครงการที่มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กได้จัดทำเพื่อส่งเสริมให้พ่อแม่อ่านหนังสือให้กับลูกวัย 6 - 9 เดือน ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2547 ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาเก็บดอกออกผลของการไปลงพื้นที่ของมูลนิธิฯ และน้องฟิล์มก็เป็นอีกผลผลิตหนึ่งที่มีแนวโน้มจะเป็นเด็กที่มีนิสัยรักการอ่าน
     
      อีกตัวอย่างหนึ่งมีคุณแม่เล่าให้ฟังว่า “สามีเป็นคนอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ และคุยกับลูกไม่เป็น ไม่รู้จะเล่นอะไรกับลูกดี จึงมีช่องว่างระหว่างพ่อลูก ลูกไม่เข้าหาพ่อ จะติดแม่มาก แต่เมื่อมีหนังสือเข้ามา พ่อเล่านิทานให้ลูกฟัง เล่าเรื่องจากภาพที่เห็นในหนังสือ ไม่ได้เล่าเรื่องตามตัวอักษรในหนังสือ พ่อเล่าโดยดูภาพในหนังสือ สร้างเป็นเรื่องให้ลูกฟัง ลูกชอบใจ ตั้งอกตั้งใจฟัง มีการหยอกล้อกันระหว่างการเล่า ระหว่างพ่อกับลูกมีรอยยิ้มให้แก่กัน มีเรื่องพูดคุยกัน เมื่อพ่อกลับจากทำงาน ลูกก็มักจะหยิบหนังสือมาให้พ่อเล่า ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็ดีขึ้น ตอนนี้ลูกติดพ่อมาก”
     
      ในปี 2550 นี้ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จะดำเนินโครงการหนังสือเล่มแรก Bookstart นำร่องใน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดยะลา จังหวัดระยอง และกรุงเทพฯ โดยจะมอบชุดหนังสือเล่มแรกในกลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกอายุ 6-9 เดือน จำนวน 2,400 คน
     
      เห็นโครงการดีๆ ก็อยากเขียนถึงบ่อยๆ เผื่อใครอยากจะติดต่อสอบถามรายละเอียดก็ติดต่อได้ที่ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก 0-26288818-9 , 0-2805-0202 , 0-2805-1156
     
      บางทีความวุ่นวายต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้ อาจจะต้องเยียวยาด้วยนิสัยรักการอ่าน ไม่ใช่นิสัยรักการฟังล่ะมั๊ง..!!





ดูรายละเอียดเพิ่มเติม


โดย:
งาน: งานบุคลากร
อ้างอิงแผนงาน : -
อ้างอิงโครงการ : -
แหล่งที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ 13 มิถุนายน 2550 09:16 น.

ขอบคุณสำหรับการโวตท์
Vote
เป็นประโยชน์ต่อผู้โพสต์เอง
เป็นประโยชน์ต่อฉัน
เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน
มีประโยชน์ต่อทุกคน
บุคลากร 0 บุคคลภายนอก 0

อ่าน 0 ครั้ง